posttoday

Omicron ระบาดหนัก! ยุโรปเร่งยกระดับคุมเข้มโควิดหลังปีใหม่

28 ธันวาคม 2564

หลายประเทศในยุโรปพบผู้ติดเชื้อเพิ่มหลังเทศกาลคริสต์มาส เร่งยกระดับการคุมเข้มสกัดโอมิครอน

เยอรมนี

ห้ามรวมตัวเกิน 10 คน, ปิดไนต์คลับในช่วงปีใหม่, อีเว้นต์ใหญ่ๆ อาทิ การแข่งขันกีฬาจัดได้แต่ต้องไม่มีผู้เข้าชม, ต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน หรือหายป่วยจาก Covid-19 ก่อนใช้บริการในร้านค้าที่ไม่จำเป็น และใครก็ตามที่เดินทางจากอังกฤษเข้าเยอรมนีต้องมีผลตรวจ PCR เป็นลบไม่เกิน 48 ชั่วโมงและต้องกักตัว 14 วันไม่ว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่

เดนมาร์กชาวต่างชาติทุกคนและผู้ที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ในเดนมาร์กที่เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.เป็นต้นไปต้องมีผลตรวจเป็นลบแม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม, ร้านค้าและร้านอาหารต้องจำกีดจำนวนลูกค้าและร้านอาหารต้องปิดภายใน 23.00 น. มาตรการเหฃ่านี้จะมีผลจนถึงวันที่ 17 ม.ค.เป็นอย่างน้อย

ก่อนหน้านี้รัฐบาลยังแนะนำให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน ห้ามจัดคอนเสิร์ตที่มีผู้ชมยืนดูเกิน 50 คน

อิตาลี

รัฐบาลอิตาลีสั่งเพิ่มความเข้มของมาตรการโดยห้ามคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนใช้สถานที่สาธารณะ รวมทั้งนำมาตรการสวมหน้ากากอนามัยภายนอกอาคารกลับมาใช้อีกครั้ง รวมทั้งห้ามฉลองเทศกาลปีใหม่นอกอาคาร ส่วนไนต์คลับจะปิดจนถึงวันที่ 31 ม.ค.

ก่อนหน้านี้อิตาลีกำหนดให้พลเมืองยุโรปที่ยังไม่ฉีดวัคซีนกักตัว 5 วันเมื่อเดินทางเข้าประเทศ ส่วนคนที่มาจากประเทศใน EU ที่ฉีดวัคซีนแล้วต้องมีผลตรวจเป็นลบภายใน 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. รัฐบาลยังออกมาตรการใหม่สำหรับคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนที่เรียกว่า “ซูเปอร์เฮลท์พาส” โดยอนุญาตให้เฉพาะคนที่มีประวัติการฉีดวัคซีน หรือหายป่วยจาก Covid-19 เท่านั้นนั่งรับประทานอาหารในร้าน หรือเข้าโรงภาพยนตร์ หรือเข้าชมการแข่งขันกีฬา

รวมทั้งขยายการบังคับฉีดวัคซีนไปยังบุคลากรในโรงเรียน ผู้บังคับใช้กฎหมาย ทหาร และบุคคลที่ต้องทำงานด้านสุขภาพ

ฝรั่งเศส

วานนี้ (27 ธ.ค.) รัฐบาลออกมาตรการใหม่ซึ่งจะบังคับใช้เป็นเวลา 3 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. เพื่อสกัดการแพร่ระบาดระลอกที่ 5 คือ ให้ทำงานจากที่บ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน หรือ 4 วันหากเป็นไปได้, การรวมตัวกันต้องไม่เกิน 2,000 คนสำหรับงานที่จัดในตัวอาคาร และ 5,000 คนสำหรับงานกลางแจ้ง, ผู้ชมคอนเสิร์ตต้องนั่งชมเท่านั้น

บาร์และร้านอาหารเสิร์ฟเฉพาะลูกค้าที่นั่งเท่านั้น ห้ามยืน, ห้ามบริโภคอาหารและเครื่องดื่มในโรงภาพยนตร์ ขนส่งสาธารณะ รวมทั้งการเดินทางระยะไกล,สวมหน้ากากอนามัยในรถสาธารณะ แต่ไม่มีการเคอร์ฟิวในช่วงปีใหม่และโรงเรียนจะเปิดตามแผนเดิมในเดือน ม.ค.

ชาวฝรั่งเศสอาจต้องใช้ใบรับรองการฉีดวัคซีน รวมกับผลตรวจที่เป็นลบเมื่อจะเข้าใช้บริการสถานที่สาธารณะซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ม.ค.หากสภาอนุมัติ

สเปน

หลังจากช่วงวันหยุดคริสต์มาส ยอดติดเชื้อต่อประชากร 100,000 คนของสเปนพุ่งเกิน 1,000 คนเป็นครั้งแรก ทำให้ต้องกลับมาสมวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่กลางแจ้งอีกครั้ง

ส่วนแคว้นคาตาโลเนียสั่งเคอร์ฟิวตั้งแต่ 01.00-06.00 น. ห้ามรวมตัวกันเกิน 10 คน รวมทั้งปิดไนต์คลับและลดจำนวนเก้าอี้ในร้านอาหารลง 50% ส่วนยิมและโรงภาพยนตร์ใช้บริการได้ 70% ของความจุ โดยเบื้องต้นจะมีผลถึงวันที่ 7 ม.ค.

กรีซ

ทางการสั่งยกเลิกการจัดงานคริสต์มาสและปีใหม่สาธารณะทั้งหมด สวมหน้ากากอนามัยทั้งในตัวอาคารและในสถานที่สาธารณะ ส่วนนักท่องเที่ยวต้องตรวจหาเชื้อในวันที่ 2 และ 4 หลังจากเดินทางเข้าประเทศ มาตรการเหล่านี้บังคับใช้ถึงวันที่ 3 ม.ค.

ส่วนที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 3-16 ม.ค. ได้แก่ บังคับสวมหน้ากากอนามัยที่มีการปกป้องสูง หรือสวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้นในซูเปอร์มาร์เก็ต รถขนส่งสาธารณะ, สถานบันเทิงต้องปิดในเวลาเที่ยงคืน, ลดจำนวนคนเข้าสนามกีฬาลงเหลือ 10% ของความจุ, การทำงานจากที่บ้าน หรือสลับเวลาทำงานขยายมาใช้กับภาคราชการด้วย

รวมทั้งการบังคับประชาชนที่อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนภายในวันที่ 16 ม.ค. หากฝ่าฝืนมีโทศปรับ 100 ยูโรในทุกๆ เดือนจนกว่าจะฉีดวัคซีน

อังกฤษ

รัฐบาลประกาศว่าจะไม่มีการประกาศมาตรการเพิ่มเติมก่อนปีใหม่ เพื่อรอหลักฐานเพิ่มเติมว่าสาธารณะสุขจะรับมือกับการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นไหวหรือไม่ แต่ขอความร่วมมือประชาชนระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการฉลองปีใหม่ในที่สาธารณะ ส่วนกรุงลอนดอนยกเลิกกิจกรรมฉลองปีใหม่

นอกจากนี้ ทางการอังกฤษยังลดระยะเวลากักตัวสำหรับผู้ติดเชื้อจาก 10 วันเหลือ 7 วัน หากผลตรวจออกมาเป็นลบในวันที่ 6 และ 7 เพื่อลดผลกระทบจาก Covid-19 ต่อการดำเนินชีวิต

ขณะที่สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ต่างเพิ่มมาตรการจำกัดการเดินทางและการทำกิจกรรม รวมทั้งการเข้าผับและคาเฟ่ และจำกัดจำนวนการรวมตัว

ที่มา: euronews

Photo by Tolga Akmen / AFP