posttoday

คู่ซี้ 'พญาหมี-มังกร' ผนึกกำลังต้านตะวันตก

16 ธันวาคม 2564

จีน-รัสเซีย แสดงจุดยืนปกป้องผลประโยชน์ของกันและกัน-ต่อต้านการแทรกแซงจากตะวันตก

• เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมาประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนร่วมเจรจาพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ท่ามกลางความตึงเครียดของทั้งสองประเทศที่เพิ่มขึ้นกับสหรัฐ

• โดยเป็นการพบกันครั้งที่ 37 ของผู้นำทั้งสองนับตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งแสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นของจีนและรัสเซีย ในขณะที่ทั้งคู่กำลังต่อสู้กับแรงกดดันจากตะวันตก โดยทั้งสองประเทศยืนกรานปฏิเสธการแทรกแซงจากตะวันตก และปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของกันและกัน

Reuters กล่าวว่าการประชุมครั้งนี้เน้นย้ำถึงแนวทางที่รัสเซียและจีนกำลังดึงเข้าหากันเพื่อสนับสนุนซึ่งกันและกัน ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดสูงในความสัมพันธ์กับชาติตะวันตก ขณะที่จีนอยู่ภายใต้แรงกดดันด้านสิทธิมนุษยชน และรัสเซียถูกกล่าวหาว่าคุกคามยูเครน

• "เราสนับสนุนกันและกันอย่างจริงใจในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย และปกป้องเกียรติภูมิของประเทศ" สีกล่าวระหว่างการประชุม "จีนและรัสเซียควรกระชับความร่วมมือ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของทั้งสองฝ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น"

• สียังกล่าวว่า "ในปัจจุบันกองกำลังระหว่างประเทสภายใต้หน้ากาก "ประชาธิปไตย" และ "สิทธิมนุษยชน" กำลังแทรกแซงกิจการภายในของจีนและรัสเซีย และเหยียบย่ำกฎหมายระหว่างประเทศอย่างไร้ความปราณี"

• ในขณะที่จีนกำลังเผชิญกับการคว่ำบาตรทางการทูตในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว "ปักกิ่ง 2022" ที่จะจัดขึ้นในเดือนก.พ. ที่จะถึงนี้ ซึ่งนำโดยสหรัฐ ตามมาด้วยออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา และญี่ปุ่น ด้านปูตินยืนยันว่ารัสเซียจะเข้าร่วมงานดังกล่าว และเป็นผู้นำระดับชาติคนแรกที่ตอบรับคำเชิญของจีน

• "เราสนับสนุนกันและกันในประเด็นความร่วมมือด้านกีฬาระหว่างประเทศ รวมถึงการไม่ยอมรับความพยายามใดๆ ที่จะทำให้กีฬาถูกใช้เป็นเครื่องมือในทางการเมือง" ปูตินกล่าว ขณะที่รัสเซียเองก็เผชิญกับภัยคุกคามจากตะวันตกที่ขู่ว่าจะคว่ำบาตรหากกองกำลังรัสเซียโจมตียูเครน

• แม้ว่าจีนและรัสเซียจะไม่ได้เป็นพันธมิตรกันอย่างเป็นทางการ แต่สีกล่าวกับปูตินว่า "ความใกล้ชิดของจีนและรัสเซีย และประสิทธิผลที่เกิดขึ้น เป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งกว่าการเป็นพันธมิตร"

• ขณะที่ปูตินกล่าวว่า "โมเดลความร่วมมือรูปแบบใหม่ได้เกิดขึ้นระหว่างประเทศของเรา เป็นความร่วมมือที่ไม่แทรกแซงกิจการภายใน และเคารพผลประโยชน์ของกันและกัน"

• นอกจากนี้ทั้งสองยังหารือเกี่ยวกับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่อิสระ เพื่อลดการพึ่งพาธนาคารตะวันตก และแสดง "มุมมองเชิงลบ" เกี่ยวกับความร่วมมือ AUKUS และ Quad ขณะที่จีนและรัสเซียก็ได้มีการซ้อมรบทางทหารร่วมกัน

• ศาสตราจารย์เฉิง เสี่ยวเหอ จากโรงเรียนการศึกษานานาชาติของมหาวิทยาลัยเหรินหมินแห่งประเทศจีน กล่าวว่า ทั้งรัสเซียและจีนต่างเผชิญกับแรงกดดันจากสหรัฐ ดังนั้นทั้งสองจึงต้องสนับสนุนซึ่งกันและกันในทางการทูต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และความตึงเครียดระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น

• นักวิเคราะห์มองว่าอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของความสัมพันธ์ของจีนและรัสเซียคือทั้งสองผู้นำมี "เคมีตรงกัน" ทั้งคู่อายุไล่เลี่ยกัน ปกครองประเทศด้วยระบบการเมืองคล้ายกัน สียังเรียกปูตินว่าเป็น "เพื่อนเก่า" ขณะที่ปูตินกล่าวว่าสีคือ "เพื่อนรัก" และ "เพื่อนที่เคารพ"

• สื่อตั้งข้อสังเกตว่ามีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เล็กน้อยในระหว่างการประชุมครั้งนี้ โดยด้านหลังของปูตินมีธงชาติของรัสเซียและธงชาติจีน ซึ่งแตกต่างจากการประชุมกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ด้านหลังของปูตินมีเพียงธงชาติรัสเซียเท่านั้น

• อย่างไรก็ตาม รายงานของ New York Times วิเคราะห์ว่าสำหรับจีนแล้วการประชุมครั้งนี้อาจเป็นโอกาสในการเบี่ยงเบนประเด็นที่จีนถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายที่มีต่อไต้หวัน ฮ่องกง และชนกลุ่มน้อยในซินเจียง โดยหวังที่จะแสดงให้โลกเห็นว่าจีนไม่ได้โดดเดี่ยวในทางการทูต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่โอลิมปิกใกล้เข้ามาถึง

• สำหรับรัสเซียการเจรจาครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนกำลังร้อนระอุ และมีความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะใช้กำลังทหารเข้ายึดยูเครน ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากชาติตะวันตกซึ่งนำโดยสหรัฐ ขณะที่ปูตินเรียกร้องให้ตะวันตกหยุดให้การสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครน

• ถึงกระนั้น ศาสตราจารย์เซอร์เกย์ ราดเชนโก้ จากภาควิชาการศึกษาระหว่างประเทศขั้นสูงของจอนส์ ฮอปกินส์ ไม่คิดว่าจีนจะให้การสนับสนุนหากรัสเซียเข้าบุกยึดยูเครน ในขณะที่รัสเซียเองก็ไม่น่าจะเข้าข้างจีนหากจีนตัดสินใจบุกไต้หวัน

• แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจะมีความแน่นแฟ้นมากขึ้น และมีการฟอร์มทีมเพื่อคานอำนาจสหรัฐในขณะที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากชาติตะวันตกที่มากขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าทั้งสองจะเห็นพ้องต้องกันไปหมดเสียทุกเรื่อง โดยสื่อต่างประเทศชี้ว่าจีนไม่เคยยอมรับการผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ส่วนรัสเซียก็ไม่เห็นด้วยกับจีนในการอ้างสิทธิ์อันกว้างขวางในทะเลจีนใต้

• แต่ในเรื่องของการค้านั้นผู้นำรัสเซียกล่าวว่าการค้าทวิภาคีเพิ่มขึ้น 31% ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้เป็น 123,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ทั้งสองมีเป้าหมายที่จะให้เกิน 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐในอนาคตอันใกล้

• ปูตินยังกล่าวว่าจีนกำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางระหว่างประเทศในการผลิตวัคซีนโควิด-19 Sputnik V และ Sputnik Light ของรัสเซีย โดยได้มีการเซ็นสัญญากับผู้ผลิต 6 รายเพื่อผลิตวัคซีนมากกว่า 150 ล้านโดส

Photo by SERGEI CHIRIKOV / POOL / AFP