posttoday

โควิดยังไม่ทันหาย ไข้หวัดนกระบาดซ้ำทั่วเอเชีย-ยุโรป

16 พฤศจิกายน 2564

เอเชีย-ยุโรปจับตาไข้หวัดนกระบาดซ้ำเติมโควิด-19 หวั่นไวรัสกลายพันธุ์หลังจีนพบผู้ติดเชื้อพุ่ง

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่าองค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) เตือนถึงการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกซึ่งแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปในหลายประเทศทั่วทั้งเอเชียและยุโรป โดยนับตั้งแต่ต้นปีนี้มีรายงานการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิดชนิดก่อโรครุนแรง (HPAI) อย่างต่อเนื่องทั่วโลก รวมมากถึง 4,122 จุด

ประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตสัตว์ปีกรายใหญ่ที่สุดของโลก รายงานผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N6 จำนวน 21 รายในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่เพียง 5 ราย แม้จะต่ำกว่าผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ H7N9 เมื่อ 4 ปีก่อนที่มีมากถึงหลายร้อยคน แต่ H5N6 มีความรุนแรงจนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คนแล้ว

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นเรื่องน่ากังวลเนื่องจากไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในอัตราสูง และยังเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมสัตว์ปีก นอกจากนี้ยังกังวลว่าไวรัสอาจมีการกลายพันธุ์ แม้ยังไม่มีการยืนยันกรณีการติดต่อจากคนสู่คน

ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม กัมพูชา และลาว พบไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 H5N6 และ H5N8 ขณะที่ประเทศไทยเข้าสู่การเปลี่ยนจากฤดูฝนเป็นฤดูหนาวซึ่งอาจทำให้สัตว์ปีกมีภูมิคุ้มกันต่ำและติดโรคได้

ด้านญี่ปุ่นพบการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N8 เป็นครั้งแรกในช่วงฤดูหนาวของปีนี้ ในฟาร์มสัตว์ปีกเมืองโยโกเตะ และได้จำกัดไก่ไข่ไปแล้วกว่า 143,000 ตัว

เช่นเดียวกับเกาหลีใต้ซึ่งเร่งกำจัดสัตว์ปีกไปประมาณ 770,000 ตัวหลังพบการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในฟาร์มสัตว์ปีก

นอกจากนี้มีรายงานว่าในอินเดียพบนกตายกว่า 200 ตัวจากการติดเชื้อไข้หวัดนก และพบการแพร่ระบาด H5N1 ในหลายพื้นที่ของรัฐราชสถานทางตะวันตกของประเทศ ท่ามกลางความกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดไปสู่สัตว์อื่น

เมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมาอินเดียยังพบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกรายแรกของประเทศ ซึ่งเป็นเด็กชายวัย 11 ปีเสียชีวิตหลังติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ H5N1

ด้านประเทศในยุโรปอย่างนอร์เวย์ พบการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ในฝูงนกถึง 7,000 ตัว และเบลเยียมสั่งให้ประชาชนเลี้ยงสัตว์ปีกในที่ปิดหลังพบห่านป่าติดเชื้อไข้หวัดนก เช่นเดียวกับฝรั่งเศสซึ่งพบการแพร่ระบาดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา และเนเธอร์แลนด์พบการแพร่ระบาดตั้งแต่เดือนต.ค.

AFP PHOTO / FILES / Philippe Lopez