การค้นพบขุมสมบัติ 'ศรีวิชัย' ในดินแดน 'สุวรรณทวีป'
เป็นที่ถกเถียงกันมานานว่าศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัยอยู่ที่ไหนกันแน่ นักประวัติศาสตร์ในไทยเชื่อว่าอยู่ที่ไชยา จ. สุราษฎร์ธานี ในขณะที่นักประวัติศาสตร์อินโดนีเซียเชื่อว่าอยู่ที่เมืองปาเล็มบัง บนเกาะสุมาตรา กาค้นพบล่าสุดอาจเผยที่ตั้งแท้จริงของศรีวิชัย
ดร.ฌอน คิงส์ลีย์ (Dr Sean Kingsley) นักโบราณคดีทางทะเลของอังกฤษ บอกกับ MailOnline ว่า นักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่หลายรายพยายามตามล่าที่ตั้งของอาณาจักรศรีวิชัย โดยบุกไปไกลถึงประเทศไทยและแม้แต่ในอินเดีย แต่พวกเขาเหล่านั้นไม่มีโชค ไม่พบทั้งที่ตั้งของศรีวิชัยและขุมสมบัติที่ล้ำค่า
คิงส์ลีย์เชื่อว่าศรีวิชัยอาจอยู่ที่ปาเล็มบัง แต่เขาบอกว่า "แม้แต่ที่ปาเล็มบัง ที่ตั้งดั้งเดิมของอาณาจักรที่สาบสูญไป นักโบราณคดีก็ยังไม่สามารถหาเครื่องปั้นดินเผาได้มากพอที่จะอวดว่ามีเท่ากับหมู่บ้านเล็กๆ ได้ ศรีวิชัย อาณาจักรสุดท้ายที่สูญหายไปจากโลก เก็บความลับของมันเอาไว้อย่างเหนียวแน่น"
คิงส์ลีย์อาจจะ "เว่อร์" ไปหน่อยเรื่องที่บอกว่าศรีวิชัยเป็นอาณาจักรสุดท้ายที่สูญหายไปจากโลก เพราะความจริงมีบันทึกความเชื่อมที่ทำให้เราทราบว่าศรีวิชียไม่ได้หายไปไหน มันยังอยู่ในความทรงจำของคนรุ่นต่อและในประวัติศาสตร์ของประเทศอื่นเช่นจีน เพียงแต่ที่ตั้งของมันเท่านั้นที่เป็นปัญหา
แต่คิงส์ลีย์พูดถูกเรื่องปาเล็มบัง เพราะแม้จะมีการเสนอว่าที่นี่คือที่ตั้งของศรีวิชัย แต่พบหลักฐานทางโบราณคดีน้อยมาก ในขณะที่ไชยาพบโบราณวัตถุและโบราณสถานมากกว่า แต่ก็ไม่มีสมบัติที่ล้ำค่ามากพอที่จะบอกว่านี่คือเมืองหลวง ไม่ใช่หัวเมืองสำคัญของอาณาจักร
จนกระทั่งนักดำน้ำงมสมบัติที่แม่น้ำมูซีใกล้กับเมืองปาล็มบังค้นพบสิ่งของล้ำค่า ตั้งแต่พระพุทธรูปขนาดเท่าคนจริงจากศตวรรษที่ 8 (อายุประมาณ 1,200 ) ที่ประดับประดาด้วยอัญมณีล้ำค่า มูลค่าหลายล้านปอนด์ ไปจนถึงเครื่องทองโบราณและลูกปัดซึ่งเป็นของประดับในยุคสมัยนั้น
นอกจากของประดับแล้ว สิ่งสำคัญคือสิ่งที่าสะท้อนวัฒนธรรมของศรีวิชัย เช่นแหวนพิธีทองประดับด้วยทับทิมและวัชระสี่ง่ามทำจากทองคำ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีตันตระในศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธนิกายมนตรยาน อันเป็นศาสนาหลักของศรีวิชัยและทำให้นักบวชจากดินแดนต่างๆ เดินทางมายังที่นี่เพื่อศึกษาเล่าเรียนธรรมะ
ดร.ฌอน คิงส์ลีย์เปิดเผยงานวิจัยของเขาในนิตยสาร Wreckwatch (นิตยสารว่าด้วยสมบัติใต้ทะเลและเส้นทางสายไหม) ฉบับฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งสามารถชมภาพการค้นพบได้จากนิตยสารเล่มนี้
จากงานเขียนใน Wreckwatch รวมถึงการรายงานของสื่อต่างๆ เช่น กับ MailOnline และ Guardian ดูเหมือนว่าฌอน คิงส์ลจะเชื่อมั่นว่าเขาค้นพบศรีวิชัยเข้าให้แล้ว และสื่อบางแห่งบอกว่านี่คือ "เกาะทองคำ" ที่สาบสูญไป
"เกาะทองคำ" คืออะไร? อันที่จริงแล้วมันไม่ใช่สถานที่ลึกลับอะไร มันเป็นการแปลชื่อโบราณของสถานที่แห่งหนึ่งที่เชื่อกันว่าอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั่นคือ "สุวรรณทวีป" ซึ่งเป็นภาษาสันสกฤตที่แปลว่า เกาะทองคำ
สุวรรณทวีปเป็นชื่อที่มาพร้อมกับคำว่า "สุวรรณภูมิ" (แผ่นดินทอง) ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปว่าสุวรรณทวีปกับสุวรรณภูมิเป็นดินแดนแห่งเดียวกันหรือไม่ และมันควรตั้งอยู่ที่ไหน
ชื่อสุวรรณทวีปปรากฏในตำราอินเดียสมัยศตวรรษที่ 8 ชื่อ "สมราอิจจกหา" ที่เขียนโดยหริภัทระ สูริ (ค.ศ. 700–770) บรรยายถึงการเดินทางทางทะเลสู่สุวรรณทวีป บอกว่าที่นั่นทำอิฐจากทรายที่อุดมด้วยทองคำ ทิศที่ตั้งของสุวรรณทวีปอยู่ทางตะวันตกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงน่าจะเป็นสุมาตรา คาบสมุทรมาเลย์ บอร์เนียว และชวา
นอกจากนี้ยังปรากฏในตำรา "กถากริตสาคร" เขียนโดยโสมะเทวะแห่งกัศมิระ (แคชเมียร์) ในศตวรรษที่ 11 บอกว่า สุวรรณทวีปคือดินแดนที่พ่อค้าวาณิชย์เดินทางไปบ่อยๆ ระหว่างทางไปยังประเทศจีน
จากหลักฐานเหล่านี้ เฮนดริก เคิร์น (Johan Hendrik Caspar Kern) นักภาษาศาสตร์และบูรพวิทยาชาวดัตช์ สรุปในบทความชื่อ "ชวาและเกาะทองตามรายงานที่เก่าแก่ที่สุด" ว่าสุมาตราคือสุวรรณทวีปที่กล่าวถึงในตำราฮินดูโบราณ
แน่นอนว่า มันยังเป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกัน เพราะแม้นักวิชาการอย่างเคิร์นจะสรุปว่ามันคือเกาะสุมาตรา แต่บันทึกการเดินทางของพระอี้จิ้ง พระชาวจีนที่เดินทางไปแสวงบุญที่อินเดียและแวะผ่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระบุว่าสุวรรณภูมิและสุวรรณทวีปคือสถานที่แห่งเดียวกัน
หากเลี่ยงเรื่องสุวรรณภูมิ/สุวรรณทวีปออกไป (เพราะยังเป็นประเด็นที่ลงรอยได้ยากมากกว่า) แล้วโฟกัสที่การค้นพบสมบัติที่แถวๆ ปาเล็มบังบนเกาะสุมาตรา ทฤษฎีเรื่องศรีวิชัยและสุวรรณทวีปอยู่ที่เกาะสุมาตราดูเหมือนจะมีน้ำหนักมากขึ้น
ทำไมจึงมีน้ำหนัก? ในบันทึกของจีนเรียกดินแดนหนึ่งในแถบคาบสมุทรมลายู-หมู่เกาะอินโดนีเซียว่า "ซานฝอฉี" ซึ่งมักจะเชื่อกันว่ามันหมายถึงศรีวิชัย เพราะมีบันทึกจีนเรียกปรเะทศนี้อีกอย่างว่า "ซื่อลี่ฝอซื่อ" ซึ่งออกเสียงคล้ายกับศรีวิชัย
แล้ว "ซานฝอฉี" หรือศรีวิชัยที่จีนบันทึกไว้อยู่ที่ไหน? ตอนที่ศรีวิชัยยังเป็นอาณาจักร (หรือบางคนเสนอว่าไม่ใช่อาณาจักรแต่เป็นสมาพันธรัฐ) อยู่นั้นเราไม่รู้แน่ว่ามันอยู่ที่ไหน เพราะไทยก็อ้างว่าอยู่ที่ไชยา อินโดนีเซียก็เชื่อว่าอยู่ปาเล็มบัง
แต่เมื่อศรีวิชัยถูกอาณาจักรอื่นรุกราน ตอนนี้เองที่มีบันทึกของจีนบอกว่า หลังจากศรีวิชัยล่มแล้ว เชื้อพระวงศ์ศรีวิชัยหนีไปสิงคโปร์ (ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน) จากนั้นไปตั้งอาณาจักรมะละกา
ในเวลานั้นเอง คนจีนในท้องถิ่น 1,000 คนยกให้ "เหลียงต้าวหมิง" เป็นคนจีนจากเมืองหนานไห่ มณฑลกวางตุ้งเป็นผู้นำ เหลียงต้าวหมิงนำชาวจีนและคนท้องถิ่นในปาเล็มบังต่อต้านการรุกรานของอาณาจักรมัชปาหิตจากชวา เมื่อสำเร็จแล้วเหลียงต้าวหมิงก็ตั้งศรีวิชัยขึ้นมาใหม่เรียกว่า "ซินซานฝอฉี" (แปลว่าซานฝอฉีแห่งใหม่หรือศรีวิชัยใหม่)
หลังจากนั้น "ซินซานฝอฉี" ก็ส่งบรรณาการไปจิ้มก้องเพื่อขอรับการรับรองจากจีน แต่อาณาจักรนี้มีอายุไม่ยืดยาวนัก ถึง ค.ศ. 1470 ก็ถูกอาณาจักรมะละกาโค่นล้มลงได้ในที่สุด
ตอนที่เป็น "ซินซานฝอฉี" นี่เองบันทึกจีนระบุสถานที่ตั้งว่าศรีวิชัยอยู่ตรงไหน ในบันทึกเรียกเมืองที่ตั้งว่า "ท่าเรือเก่า" (จิ้วกั่ง) และยังเรียกว่า "ป่าหลินเฟิง" ซึ่งถอดเสียงมาจากคำว่าปาเล็มบัง
การที่มันชื่อว่า "ท่าเรือเก่า" ทำให้สงสัยว่ามันเป็นท่าเรือมาแต่เดิมโบร่ำโบราณหรือไม่? การค้นพบสมบัติล้ำค่าในแม่น้ำมูซีน่าจะช่วยยืนยันได้ในระดับหนึ่งว่า "ท่าเรือเก่า" น่าจะคับคั่งจริงๆ ถึงได้มีทรัพย์สมบัติมากมายอย่างนั้น
ชื่อ "ท่าเรือเก่า" ของปาเล็มบังก็อาจหมายถึงความว่ามันเป็นท่าเรือแต่โบราณจริงๆ แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น เพราะการปรากฏขึ้นมาของสมบัติล้ำค่าไม่ได้หมายความว่าปาเล็มบังป็นที่ตั้งของเมืองหลวงมาแต่เดิม (อย่างน้อยก็ก่อนที่เหลียงต้าวหมิงตั้งตนเป็นเจ้า) เพราะมันอาจเป็นสมบัติของใครก็ได้ที่ทำตกไว้ หรือถูกโยนทิ้งหลังจากเสียเมืองระหว่างสงครามหลายครั้ง หรืออาจจะเกิดจากเรือล่มก็ได้เพราะนี่คือท่าเรือที่คึกคัก
ในหนังสือสมัยราชวงศ์หมิง ชื่อ "หมิงซานจั้ง" บทที่ว่าด้วยซานฝอฉี กล่าวถึงเหตุการณ์ในแคว้นนี้และเริ่มต้นด้วยการบอกว่า "ประเทศซานฝอฉี สมัยก่อนคือก้านถัวลี่ ยังเรียกว่าปั๋วหลิน" และยังบอกว่าหลังจากถูกชวาครอบครองแล้ว "เมืองหลวงชื่อท่าเรือเก่าถูกทำลาย"
ปั๋วหลินในที่นี้ก็คือปาเล็มบังหรือท่าเรือเก่า แต่ "ก้านถัวลี่" ควรจะเป็นอีกเมือง และข้อมูลนี้ทำให้เราต้องเดินทางมายังไทย เพราะว่า "ก้านถัวลี่" มักจะแปลกันว่าเป็นเมืองคันธุลี เป็นชื่อเมืองโบราณที่ปรากฏในบันทึกจีนมานานแล้ว แล้วต่อมาหายไปจากบันทึกจีน เพราะจีนหันไปเอ่ยถึง "ท่าเรือเก่า" แทน
สถานที่ที่มีชื่อใกล้เคียงกับคันธุลีมากที่สุด ก็คือตำบลคันธุลี อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฏร์ธานี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองไชยา จังหวัดสุราษฏร์ธานี ที่ไทยเชื่อมั่นว่าคือที่ตั้งของศรีวิชัย
ในแผนที่โบราณของจีนนั้นไม่ได้บอกว่า "ซานฝอฉี" ตั้งอยู่ที่เกาะสุมาตรา แต่บอกว่าอยู่ตรงคาบสมุทรมลายูตรงเป๊ะกับคันธุลี-ไชยา ที่ตั้งนี้ยังตรงกับแผนที่สมัยกรีก-โรมันของโทเลมี ที่ชี้ว่า "แหลมทอง" (Golden Chersonese) อยู่ตรงคาบสมุทรแถบคันธุลี-ไชยา เช่นกัน
การที่แผนที่บอกที่ตั้งชัดขนาดนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าปาเล็มบังไม่ใช่ศรีวิชัย แต่มันอาจเป็นเมืองหลวงในภายหลัง และตอนแรกนั้นมันเป็นแค่ท่าเรือหลัก พอยกระดับเป็นเมืองหลวงแล้วจึงได้ชื่อ "ท่าเรือเก่า" นั่นเอง หมายความว่ามันคือท่าเรือมาแต่เดิมแล้วค่อยเป็นเมืองหลวงเมืองหลักในภายหลัง
แม้ว่าคันธุลีจะไม่มีหลักฐานโบราณคดีที่ยิ่งใหญ่อะไรเทียบได้กับไชยและไม่มีขุมทรัพย์เหมือนปาเล็มบัง แต่ผู้เขียนเชื่อว่ามันจะต้องสำคัญแน่ๆ เพียงแต่ทั้งไทยและเทศไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันนัก
บางทีคงต้องกลับไปศึกษาหลักฐานจากจีนมากๆ แล้วใช้มันเป็นแผนที่นำทาง บางทีเราอาจไขปริศนาเกี่ยวกับศรีวิชัยได้มากกว่านี้
โดย กรกิจ ดิษฐาน
(หมายเหตุ - เรื่องจากภาพการค้นพบเป็นของนิตยสาร Wreckwatch จึงไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้ ผู้เขียนจึงใช้ภาพโบราณวัตถุจากสุมาตราที่เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ The Metropolitan Museum of Art ในนิวยอร์ก มาประกอบงานเขียนแทน)