posttoday

ชาวสิงคโปร์ที่ฉีด Sinovac หันพึ่ง Pfizer หลังเจอผลตรวจภูมิ

06 กันยายน 2564

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขชี้ว่าวัคซีน mRNA ป้องกันการติดเชื้อได้ราว 40% เท่านั้นหลังเจอเดลตา แต่กันป่วยหนัก-ตายได้ดี

South China Morning Post รายงานว่าชาวสิงคโปร์มากกว่า 85,000 คนเลือกที่จะจ่ายเงินเพื่อฉีดวัคซีนของ Sinovac และอีกไม่น้อยที่สนใจวัคซีนของ Sinopharm แม้ว่าทางรัฐบาลจะมีบริการวัคซีน Pfizer-BioNTech และ Moderna โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ฉีดวัคซีน Sinovac จำนวนไม่น้อยต้องกลับมาฉีด Pfizer อีกครั้งเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันหลังได้รับผลตรวจแอนติบอดีในเลือด

หนึ่งในนั้นคือ โซห์ (Soh) ชาวสิงคโปร์วัย 43 ปี ที่ตัดสินใจตรวจภูมิคุ้มกันหลังได้รับวัคซีนของ Sinovac เป็นเข็มที่ 2 ไปแล้วเมื่อเดือนก่อน

ผลตรวจพบว่าจำนวนแอนติบอดีของเธออยู่ที่ 140 ซึ่งแพทย์กล่าวว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มจาก Pfizer ประมาณ 10 เท่า

โซห์เผยว่าเธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะได้จ่ายเงินไปประมาณ 20 เหรียญสิงคโปร์สำหรับการฉีด Sinovac 2 เข็ม ขณะที่ Pfizer และ Moderna มีให้ฉีดได้ฟรี

โดยก่อนหน้านี้แพทย์ของเธอแนะนำให้ฉีด Pfizer หรือ Moderna มาแล้วหลายครั้ง แต่เธอตัดสินใจลอง Sinovac ด้วยความอยากรู้ว่าวัคซีนจะสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีเพียงใด เนื่องจากเธอได้อ่านรายงานพบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพต่ำกว่าวัคซีนอื่นๆ

เช่นเดียวกับสามีและน้องสาวของเธอก็ฉีดวัคซีนของ Sinovac เช่นกัน โดยทั้งคู่มีผลตรวจแอนติบอดีอยู่ที่ 400 และ 9 ตามลำดับ

เมื่อทราบผลตรวจภูมิแล้วพวกเขาจึงกลัวว่าจะติดเชื้อจึงตัดสินใจฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เป็น Pfizer และตรวจแอนติบอดีอีกครั้ง โดยของโซห์เพิ่มขึ้นมาเป็น 1,900

ดร.เหลียง โฮ นัม (Leong Hoe Nam) ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจาก Rophi Clinic ซึ่งเป็น 1 ใน 31 คลินิกเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการฉีดวัคซีน Sinovac กล่าวว่าภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีนของ Sinovac นั้นไม่เพียงพอ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

พร้อมเผยว่ามีหลายคนที่เลือกฉีดวัคซีนวัคซีนของ Sinovac เพราะไว้วางใจวัคซีนเชื้อตายมากกว่าวัคซีนชนิด mRNA ก่อนที่จะตรวจแอนติบอดีและได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจจึงไปฉีด Pfizer เป็นเข็มที่ 3

ดร.เหลียงกล่าวว่า จำนวนแอนติบอดีเหล่านี้บ่งชี้ถึงระดับการป้องกันไวรัส โดยผู้ที่ได้รับวัคซีน Pfizer 2 เข็มมักมีระดับแอนติบอดีอยู่ที่ระหว่าง 1,300 ถึง 2,000 ขณะที่ผู้ฉีด Sinovac อยู่ที่ 0 ถึง 40 และส่วนน้อยมีแอนติบอดีแตะระดับ 200 ถึง 300

ทั้งนี้ สิงคโปร์เปิดทางให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนของ Sinovac หรือวัคซีนอื่นๆ จากเอกชน สามารถรับวัคซีน Pfizer และ Moderna จากโครงการของรัฐบาลได้

ขณะที่โรงพยาบาลและคลินิกเอกชนบางแห่งเริ่มให้บริการวัคซีน Sinopharm แล้ว โดยมีราคาอยู่ที่ระหว่าง 90 ถึง 100 ดอลลาร์สิงคโปร์สำหรับวัคซีน 2 เข็ม

รายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าวัคซีน Sinovac มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 อยู่ที่ร้อยละ 51 ขณะที่ Sinopharm อยู่ที่ร้อยละ 79 วัคซีน Pfizer-BioNTech อยู่ที่ร้อยละ 95 และ Moderna อยู่ที่ร้อยละ 94

รายงานอีกฉบับจาก The Straits Times ระบุว่าออง เย กุง (Ong Ye Kung) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์กล่าวว่าวัคซีนโควิด-19 ที่กำลังใช้อยู่ในประเทศ สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ในอัตราประมาณ 40% เท่านั้น เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาซึ่งสามารถแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม

ขณะที่มีชาวสิงคโปร์ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วกว่า 80% จากทั้งหมด 5.7 ล้านคน แต่กลับมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเจ็บป่วยอาการหนักและการเสียชีวิตในระดับสูง

รองศาสตราจารย์เคนเนธ มัก (Kenneth Mak) ผู้อำนวยการฝ่ายบริการทางการแพทย์ของสิงคโปร์กล่าวว่า แม้จะฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีวันติดเชื้อโควิด-19 แต่วัคซีนจะช่วยลดโอกาสในการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยรุนแรง

โดยในช่วง 28 วันที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อที่ได้รับวัคซีนครบแล้วแต่มีการเจ็บป่วยอาการหนักอยู่ที่เพียงร้อยละ 1.3 ขณะที่ผู้ป่วยหนักที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนอยู่ที่ร้อยละ 9.2

แสดงให้เห็นว่าวัคซีนช่วยลดอัตราการติดเชื้อรุนแรงหรือการเสียชีวิตได้ถึง 7 เท่า และนี่คือประโยชน์ที่ได้รับจากการฉีดวัคซีน

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่าข้อมูลนี้ไม่นับรวมผู้ที่ฉีดวัคซีน Sinovac และวัคซีนอื่นๆ ที่นอกเหนือโครงการของรัฐบาล เนื่องจากจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนดังกล่าวในสิงคโปร์นั้นมีน้อย และมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะสามารถสรุปได้ รวมถึงยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าการติดเชื้อในผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วเกิดจากผู้ที่ได้รับวัคซีน Sinovac หรือไม่

ผู้เชี่ยวชาญจากสิงคโปร์ยืนยันว่าวัคซีนที่ใช้อยู่ในประเทศยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ แต่แอนติบอดีจะค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป

ขณะที่สิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่กำลังพิจารณาฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้แก่ประชาชน โดยเริ่มจากผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น กลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง

Photo by Lee Jia Wen / MINISTRY OF COMMUNICATIONS AND INFORMATION / AFP