posttoday

อาเซียนเจอเดลตาเล่นงานหนัก เคสพุ่งฉุดไม่อยู่

09 กรกฎาคม 2564

สถานการณ์ Covid-19 ในไทยและประเทศเพื่อนบ้านยังหนัก ผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งทุบสถิติ

ปีที่แล้วที่ Covid-19 ระบาดอาเซียนสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่หนักหน่วงมาได้ มาวันนี้กลับมีทั้งยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตทุบสถิติแทบจะทุกวัน ขณะที่การขาดแคลนวัคซีนและสายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อได้เร็วเป็นอุปสรรคต่อการควบคุมการแพร่ระบาด

ในขณะที่หลายประเทศ อาทิ อังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศสเตรียมยกเลิกมาตรการสกัด Covid-19 กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ รัฐบาลหลายประเทศในอาเซียนกลับต้องงัดมาตรการเข้มงวดขึ้นมาใช้ด้วยความหวังว่าการล็อกดาวน์จะช่วยตัดวงจรการแพร่ระบาด หลังเคสเริ่มเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค.

วานนี้ (8 ก.ค.) อินโดนีเซียซึ่งสถานการณ์ย่ำแย่ที่สุดในอาเซียนพบผู้ติดเชื้อ 38,391 ราย มากกว่าตัวเลขเมื่อ 1 เดือนก่อนถึง 6 เท่า และภายในสัปดาห์เดียวนับจากต้นเดือน ก.ค. ตัวเลขผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้น 2 เท่า

ขณะที่โรงพยาบาลบนเกาะชวาซึ่งมีประชากรมากที่สุดของประเทศใกล้จะถึงขีดจำกัด ออกซิเจนสำรองใกล้หมด ส่วนสุสานฝังศพผู้เสียชีวิตจาก Covid-19 ในกรุงจาการ์ตา 4 จาก 5 แห่งใกล้เต็มแล้ว

ตัวเลขผู้เสียชีวิตในมาเลเซียสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (8 ก.ค.) และในไทยเพิ่งมีคำสั่งจำกัดการเดินทางเพราะสายพันธุ์เดลตาระบาดอย่างรวดเร็วทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง อาคารสนามบินแห่งใหม่ถูกเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลสนามขนาด 5,000 เตียง

ส่วนเมียนมาพบผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 4,000 รายเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ และกัมพูชามีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงที่สุดในชาวง 9 วันที่ผ่านมา

ผู้เชี่ยวชาญเผยว่าอัตรากาตรวจหาผู้ติดเชื้อที่ต่ำในประเทศที่มีประชากรมากอันดับต้นๆ ในอาเซียนอย่างอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ทำให้ไม่ทราบขอบเขตการแพร่ระบาดที่แท้จริง ขณะที่การตรวจหาเชื้อในเมียนมาล้มเหลวนับตั้งแต่มีการรัฐประหารเมื่อเดือน ก.พ.

ตัวเลขในเวียดนามที่เคยควบคุม Covid-19 ได้ดีกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นเช่นกัน ในช่วง 3 วันที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อรวมกันมากว่าช่วง 13 เดือนแรกที่ Covid-19 เริ่มระบาด โดยวานนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,314 ราย ขณะที่ในเมืองโฮจิมินห์ซิตีประชาชนพากันกักตุนอาหารและของใช้ก่อนที่รัฐบาลจะสั่งล็อกดาวน์

ดิกกี บูดิแมน นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยกริฟฟิธเผยว่า อาเซียนกำลังดิ้นรนเพื่อรับมือกับสายพันธุ์เดลตา และกำลังรับผลกรรมจากยุทธศาสตร์และการสื่อสารที่ไม่สอดคล้องกัน รวมทั้งการบังคับใช้มาตรการต่างๆ และยังย้ำว่าอาเซียนจำเป็นต้องใช้วัคซีนที่หลากหลายมากกว่าพึ่งพาวัคซีนของ Sinovac เพียงอย่างเดียว

“วัคซีน (Sinovac) มีประโยชน์แน่นอน แต่ก็มีจุดอ่อนเช่นกัน ทำไมน่ะเหรอ เพราะการรับมือกับโรคระบาดในสเกลใหญ่...ไม่ควรพึ่งวัคซีนตัวเดียว วัคซีนต้องหลากหลาย แหล่งที่มาต้องหลากหลาย” บูดิแมนกล่าว

ขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนยังคงต่ำ โดย 5.4% ของประชากรอินโดนีเซียทั้งหมด 270 ล้านคนได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ส่วนฟิลิปินส์อยู่ที่ 2.7% ของไทยอยู่ที่ 4.7% และมาเลเซีย 9.3%

ขณะที่สิงคโปน์สถานการณ์ดีกว่าเพื่อนบ้าน ทางการกำลังพิจารณาผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่เคยบังคับใช้ในช่วงที่เดลตาระบาดหนัก และจะฉีดวัคซีนครบทั้งสองโดสให้ประชาชนได้ราว 50% ภายในเดือนนี้

Photo by Rezas / AFP