posttoday

สหรัฐจ่อขึ้นแบล็กลิสต์บริษัทจีนอีกกว่า 10 แห่งปมซินเจียง

09 กรกฎาคม 2564

แหล่งข่าวเผยรัฐบาลสหรัฐเล็งเพิ่มบริษัทและหน่วยงานจีนกว่า 10 แห่งลงบัญชีดำทางเศรษฐกิจฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเพิ่มบริษัทและหน่วยงานของจีนมากกว่า 10 แห่งลงในบัญชีดำทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชนในเขตปกครองตนเองซินเจียง

หลังจากเมื่อเดือนที่แล้วกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐประกาศเพิ่มหน่วยงานของจีน 5 แห่งลงในบัญชีดำด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงานและการปราบปรามชนกลุ่มน้อยในซินเจียงของรัฐบาลจีน

อย่างไรก็ตามยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดเกี่ยวกับจำนวนและรายชื่อของบริษัทและหน่วยงานที่จะถูกเพิ่มลงในบัญชีดำทางเศรษฐกิจครั้งล่าสุดนี้ แต่คาดว่าอาจมีบริษัทจากประเทศอื่นนอกจากจีนรวมอยู่ด้วย

โดยปกติแล้วบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐจะต้องยื่นขอใบอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์และต้องผ่านการตรวจสอบที่เข้มงวดหากขออนุญาตรับสินค้าจากซัพพลายเออร์ในสหรัฐ

แหล่งข่าวระบุว่าการขึ้นบัญชีดำบริษัทและหน่วยงานจีนในครั้งนี้เป็นความพยายามของรัฐบาลไบเดนที่จะกดดันให้จีนรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการปราบปรามชนกลุ่มน้อยมุสลิมในซินเจียง

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐพุ่งเป้าไปที่บริษัทจีนที่เชื่อมโยงกับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการสอดส่องด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงในซินเจียง

โดยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยขึ้นบัญชีดำทางเศรษฐกิจบริษัทสตาร์ทอัพ AI ชื่อดังของจีนมาแล้ว รวมถึงสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะของจีน 20 แห่ง และบริษัท 8 แห่งรวมถึงบริษัทกล้องวงจรปิด Hikvision และผู้นำด้านเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า SenseTime Group Ltd และ Megvii Technology

กระทวงพาณิชย์กล่าวว่าบริษัทและหน่วยงานต่างๆ มีส่วนเกี่ยวข้องใน "การสอดส่องด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงต่อชาวอุยกูร์ คาซัคสถาน และชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่นๆ"

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญและกลุ่มสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติประเมินว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่นๆ ถูกคุมขังในซินเจียง

ขณะที่จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการบังคับใช้แรงงานในซินเจียง และกล่าวว่านโยบายของตนมีความจำเป็นเพื่อปราบปรามกลุ่มแบ่งแยกดินแดนและกลุ่มหัวรุนแรง

Photo by SAUL LOEB / AFP