'บาชา บาซี' เด็กชายอัฟกันที่ต้องขายบริการแทนหญิงสาว
อัฟกานิสถานเป็นประเทศมุสลิมแต่กลับมีประเพณีที่นำมาสู่การล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายซึ่งผิดหลักศาสนา
ด้วยกฎเกณฑ์ทางศาสนาทำให้ผู้หญิงชาวอัฟกานิสถานไม่สามารถเต้นรำในที่สาธารณะ หน้าที่ในการสร้างความบันเทิงนี้จึงตกเป็นของเด็กผู้ชายที่ต้องแต่งตัวแต่งหน้าเป็นผู้หญิง และมักจะลงท้ายด้วยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ในอัฟกานิสถานซึ่งเป็นประเทศมุสลิมนั้น การร่วมเพศทางทวารหนักและการกระทำทางเพศต่อเด็กชายถือเป็นเรื่องผิดหลักศาสนา แต่ในประเทศเดียวกันนี้กลับมีวัฒนธรรมที่นำมาสู่การล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายที่เรียกว่า "บาชา บาซี" (Bacha bazi) หรือแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า boy play หรือ dancing boy
บาชา บาซีคืออะไร
บาชา บาซีคือเด็กผู้ชายที่ถูกจับมาแต่งหน้าแต่งตัวเป็นผู้หญิงแล้วให้เต้นยั่วยวนให้ความบันเทิงกับผู้ชายที่อายุมากกว่าซึ่งมีทั้งเงินและอำนาจ รวมทั้งเป็นเจ้าของเด็กเหล่านี้ และโดยปกติแล้วเด็กผู้ชายเหล่านี้จะถูกล่วงละเมิดทางเพศด้วย
ธรรมเนียมนี้เป็นที่ยอมรับในอัฟกานิสถานมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบชนบท ก่อนที่กลุ่มตอลีบันจะผงาดขึ้นมาและประกาศให้ธรรมเนียมเหล่านี้เป็นเรื่องผิดกฎหมายในช่วงทศวรรษที่ 1990
หลังจากกลุ่มตอลีบันถูกสหรัฐโค่นอำนาจในปี 2001 วัฒนธรรมนี้ก็กลับมาแพร่หลายอีกครั้ง และแม้ว่าจะมีความพยายามในการกำจัดวัฒนธรรมนี้แต่ก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากปัญหาคอร์รัปชันของรัฐบาลอัฟกานิสถานและความลังเลของสหรัฐในการสอดมือเข้าไปจัดการปัญหานี้โดยอ้างว่าเป็นเรื่องภายในของอัฟกานิสถาน
วัฒนธรรมนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ เนื่องจากเป็นการล่วงละเมิดทางเพศเด็กโดยใช้คำว่า “ประเพณี” บังหน้า ทั้งยังมีการทุบตีจนกระดูกหัก อวัยวะภายในตกเลือด ฟันหัก บาดเจ็บในลำคอ บางรายถึงขั้นเสียชีวิต คณะกรรมการอิสระด้านสิทธิมนุษยชนของอัฟกานิสถาน (AIHRC) ระบุว่า 81% ของเด็กต้องการออกจากอาชีพนี้
จุดกำเนิดของบาชา บาซี
bacha bazi เป็นประเพณีที่ปรากฏในแถบเอเชียกลางมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ประเพณีนี้ปรากฏในรูปแบบที่ทันสมัยขึ้นในศตวรรษที่ 19 และเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ชายแอฟริกันในชนกลุ่มน้อย Pashtun ที่มีฐานะมั่งคั่ง ซึ่งจะจ่ายเงินซื้อเด็กผู้ชายหรือเด็กหนุ่มมาเพื่อสร้างความบันเทิงทางเพศ และเป็นสัญลักษณ์ของความร่ำรวยและอิทธิพล
ว่ากันว่าเด็กผู้ชายที่รูปร่างอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิงมักจะเป็นที่ต้องการของผู้ชายกระเป๋าหนักอย่างพ่อค้า นักรบ ส่วนคนที่จ่ายเงินซื้อเด็กชายไม่ไหวสามารถซื้อดีวีดีที่วางขายอย่างโจ่งแจ้งตามท้องถนน
เด็กผู้ชายเหล่านี้อายุระหว่าง 9-18 ปี และมักจะมีพื้นเพมาจากครอบครัวยากจน โดยพ่อแม่ของเด็กมักจะถูกโน้มน้าวให้ขายลูกของตัวเองแลกเงินประทังชีวิต และคำมั่นว่าเด็กจะมีงานทำและได้เรียนหนังสือ บางคนอาจถูกลักพาตัวมา
ถูกบังคับมีเพศสัมพันธ์
หากมองเพียงผิวเผินเด็กชายเหล่านี้ทำงานเป็นนักเต้นในงานปาร์ตี้ส่วนตัว แต่จริงๆ แล้วพวกเขาถูกบังคับให้มีความสัมพันธ์ทางเพศกับ “นาย” ของตัวเองด้วย คนที่ไม่ยอมก็จะถูกข่มขืน หรือถูกฆ่าหากพยายามหลบหนี
ปาร์ตี้ส่วนตัวนี้จะมีการใช้โถงขนาดใหญ่เพื่อเป็นสถานที่ในการจัดงานเลี้ยง และมีเหล่าเด็กผู้ชายออกมาเต้นรำแบบยั่วยวนในชุดผู้หญิง มีกระดิ่งผูกที่เท้า และมีผ้าคลุมศีรษะไว้ ซึ่งจะมีการเต้นรำกันหลายชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีการซื้อขายเด็กชายนักเต้นในงานปาร์ตี้ด้วย โดยทันทีที่ปาร์ตี้จบลง เด็กจะถูกขายให้แก่ผู้ที่ให้ราคาสูงสุดหรือถูกแบ่งปันกันในไปในหมู่ผู้มาร่วมงานเลี้ยงเพื่อกระทำชำเราทางเพศ ส่วนเด็กๆ จะได้รับเงินหรืออาหารเป็นการตอบแทนเล็กน้อย
มูจาฮีดีนเริ่ม ตอลีบันปราบ
ในช่วงทศวรรษที่ 1980 หลังจากกลุ่มมูจาฮีดีนขับไล่กองกำลังสหภาพโซเวียตออกจากอัฟกานิสถาน บรรดานักรบของกลุ่มมูจาฮิดีนได้นำประเพณีนี้มาใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงสถานะทางสังคมและความมีอำนาจ โดยนักรบแต่ละคนจะมีเด็กชายราวหนึ่งถึงสองคนอยู่ในสังกัดเพื่อรับใช้ส่วนตัวและสร้างความเพลิดเพลินทางเพศให้แก่ตัวเอง และยังประกาศให้บาชา บาซีเป็นสิ่งยอมรับได้
ทว่าในช่วงสงครามอัฟกันที่กลุ่มตอลีบันผงาดขึ้นมา (ตั้งแต่ปี 1993-2001) กลุ่มตอลีบันประกาศว่าประเพณีนี้ผิดหลักคำสอนของศาสนาและผิดกฎหมายชารีอะห์ หากฝ่าฝืนมีโทษถึงตาย
ทำไมถึงไม่ใช้ผู้หญิง
ในอัฟกานิสถานผู้หญิงถูกห้ามไม่ให้ทำงานเป็นนักเต้นหรือสร้างความบันเทิงในที่สาธารณะ บวกกับการแบ่งแยกเพศชายเพศหญิงอย่างชัดเจนในสังคมอัฟกานิสถานตามธรรมเนียมโบราณ ทำให้ชายหญิงแทบจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กัน จึงต้องใช้เด็กผู้ชายเป็นเครื่องมือสร้างความโรแมนติกและความบันเทิงทางเพศแทน
บาชา บาซีรีเทิร์น
หลังจากสหรัฐโค่นล้มกลุ่มตอลีบันได้ในปี 2001 ประเพณีนี้ก็กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากบทลงโทษของกลุ่มตอลีบันก่อนหน้านี้ถูกยกเลิกไปแล้ว ด้วยฝีมือของกลุ่มมูจาฮีดีนที่เข้ามาจับมือกับกองทัพสหรัฐโค่นล้มกลุ่มตอลีบัน หลังตั้งรัฐบาลใหม่นักรบของกลุ่มมูจาฮีดีนบางคนที่มีตำแหน่งใหญ่โตที่เกี่ยวข้องกับบาชา บาซีมักไม่ถูกลงโทษ บางคนยังจ่ายสินบน หรือมีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย หรือผู้พิพากษาจึงไม่ถูกดำเนินคดี
อ้างเป็นประเพณีประเพณี
ชาวอัฟกานิสถานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดอูรานกันซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าไม่ได้มองว่าบาชา บาซีเป็นการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก หรือพฤติกรรมรักร่วมเพศซึ่งขัดกับหลักศาสนาอิสลาม แต่ยอมรับว่าเป็นประเพณีมากกว่า หรือหากนำกฎเกณฑ์ของสังคมใช้พวกเขาก็อ้างว่าการล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายไม่ผิดเท่าการกระทำกับผู้หญิง ถึงกับมีคำกล่าวว่า “ผู้หญิงมีไว้ให้กำเนิดบุตร เด็กผู้ชายมีไว้เพื่อความเพลิดเพลิน”
ความจริงที่ทางการไม่ยอมรับ
แม้ว่าบาชา บาซีจะเป็นเรื่องผิดกฎหมายในอัฟกานิสถาน แต่การบังคับใช้กฎหมายกลับไม่เข้มงวดจริงจังโดยเฉพาะกับบรรดาคนที่มีอิทธิพล และตำรวจมักจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับบาชา บาซีเสียเอง แม้แต่ มูฮัมหมัด อิบริฮิม รองผู้บัญชาการตำรวจในจังหวัด Jowzjan ยังปฏิเสธว่าบาชา บาซีไม่มีแล้ว
ทว่าจากคำบอกเล่าของ อับดุลกาบีร์ อัชชุน สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากภาคเหนือของประเทศ ประเพณีนี้กลับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกภูมิภาคของประเทศ
ความยากจนเป็นตัวขับเคลื่อน
นอกจากการคอร์รัปชันของรัฐบาลอัฟกานิสถาน ความอ่อนแอของระบบยุติธรรม ความไร้หลักกฎหมายแล้ว ความยากจนยังเป็นตัวขับเคลื่อนให้มีการซื้อขายเด็กชาย เด็กชายเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากแถบชนบทที่ต้องออกมาหาเลี้ยงชีพตามท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นขัดรองเท้า ขอทาน เก็บขวดพลาสติกไปขาย หรืองานอะไรก็ตามที่ทำให้ได้เงิน เด็กเหล่านี้จึงถูกชักชวนให้ทำงานนักเต้นได้ง่าย
รัฐบาลบัญญัติกฎหมาย
ในที่สุดในปี 2017 รัฐบาลอัฟกานิสถานก็ออกกฎหมายกำหนดให้บาชา บาซีเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทางการเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับประเพณีเก่าแก่หลายร้อยปี โดยเพิ่มโทษการล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายจากจำคุกไม่เกิน 7 ปี เป็นการประหารชีวิต สำหรับการกระทำรุนแรง อาทิ ล่วงละเมิดเด็กมากกว่า 1 คน
เรื่องเล่าจากปากบาชา บาซี
โอมิด (นามสมมติ) วัย 15 ปีเล่าให้ผู้สื่อข่าวของ BBC ฟังว่า พ่อของเขาเสียชีวิตเพราะเหยียบกับระเบิด เขาซึ่งเป็นลูกชายคนโตจึงต้องรับหน้าที่ดูแลแม่ซึ่งเป็นขอทานและน้องชายอีก 2 คน
“ผมเริ่มเต้นในงานเลี้ยงงานแต่งงานตอนอายุ 10 ขวบ หลังพ่อตาย” โอมิดเล่า “พวกเราหิวโหย ผมไม่มีทางเลือก บางครั้งเราเข้านอนโดยไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ตอนผมเต้นในงานเลี้ยงผมได้เงิน 2 เหรียญสหรัฐ (63 บาท) และข้าวพิเลา”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นที่โรงแรม เขาก้มหน้าลงและเงียบไปนานก่อนจะตอบว่า ได้เงินคืนละ 2 เหรียญสหรัฐ และบางครั้งก็ถูกรุมโทรม
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าทำไมถึงไม่แจ้งตำรวจ โอมิดบอกว่า “พวกเขามีอิทธิพลและร่ำรวย ตำรวจทำอะไรไม่ได้หรอก”
ส่วนแม่ของโอมิดก็ทราบว่าลูกชายต้องไปเต้นในงานเลี้ยง แต่เธอห่วงเรื่องปากท้องมากกว่าเป็นห่วงว่าลูกชายอาจถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ถ้าตอลีบันกลับมาบาชา บาซีจะเจอปัญหา
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐประกาซ่าจะถอนกำลังทหารสหรัฐทั้งหมดออกจากอัฟกานิสถานภายในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อยุติสงครามโค่นล้มกลุ่มตาลีบันที่ยาวนานกว่า 20 ปี การถอนกำลังของสหรัฐอาจทำให้กลุ่มตอลีบันซึ่งต่อต้าน bacha bazi กลับมามีอำนาจอีกครั้งในอัฟกานิสถาน และอาจนำมาสู่การกวาดล้างประเพณีนี้อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วอีกครั้ง