posttoday

แฉมหาเศรษฐีอเมริกันเลี่ยงภาษีอื้อ

10 มิถุนายน 2564

สื่อเชิงสอบสวนตีแผ่เศรษฐีอเมริกัน ทั้งมัสก์ เบโซส โซรอส แทบจะไม่ได้จ่ายภาษีเงินได้

สำนักข่าว Bloomberg รายงานโดยอ้างเว็บไซต์ ProPublica สื่อเชิงสืบสวนสอบสวนว่า บรรดามหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่ร่ำรวยติดอันดับ 1 ใน 25 อาทิ อีลอน มัสก์ ของ Tesla เจฟฟ์ เบโซส แห่ง Amazon และจอร์จ โซรอส แทบจะไม่ได้จ่ายภาษีเงินได้ให้รัฐบาลกลางหรือไม่ได้จ่ายเลยในบางปี  

ProPublica ซึ่งอ้างว่าได้เห็นเอกสารแสดงรายการเสียภาษีเพื่อใช้สำหรับยื่นภาษีระบุว่า เจฟฟ์ เบโซส ไม่ได้จ่ายภาษีเงินได้ในปี 2007 และ 2011 ส่วน อีลอน มัสก์ ไม่ได้จ่ายในปี 2018  

กลุ่มมหาเศรษฐีบางคนที่แทบไม่ได้จ่ายภาษีเงินได้ให้รัฐบาลกลางยังรวมถึง ไมเคิล บลูมเบิร์ก มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจสื่อและอดีตนายกเทศมนตรีมหานครนิวยอร์ก คาร์ล ไอคาห์น นักลงทุนและนักเคลื่อนไหว เป็นต้น

Propublica ระบุอีกว่า มหาเศรษฐีจำนวนมากจ่ายภาษีเงินได้ต่ำกว่าอัตรา 37% ซึ่งกำหนดไว้สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้มากที่สุด แต่หากเปรียบเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์ที่นิตยสารฟอร์บส์รายงานว่า มหาเศรษฐีอเมริกันที่รวยที่สุด 25 คน มีทรัพย์สินรวมกันเพิ่มขึ้นถึง 401,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างปี 2014-2018 ปรากฏว่าจากข้อมูลภาษีที่ ProPublica ได้รับมาในช่วงเวลาดังกล่าวพวกเขากลับจ่ายภาษีเงินได้เพียง 13,600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพียง 3.4% ของมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี ProPublica ระบุว่า บรรดามหาเศรษฐีเหล่านี้ไม่ได้ทำผิดกฎหมายในการยื่นภาษี แต่ใช้วิธีหลีดเลี่ยงภาษีที่คนธรรมดาทำไม่ได้ ทั้งยังได้รับประโยชน์จากช่องว่างของกฎหมาย เนื่องจากคำว่า “เงินได้ที่ต้องเสียภาษี” ตามกฎหมายสหรัฐไม่รวมถึงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ อาทิ หุ้น อสังหาริมทรัพย์ เรือยอชต์ นอกจากจะนำทรัพย์สินเหล่านี้ไปขายและทำให้เกิดรายได้เท่านั้น

ภายหลังตัวแทนของโซรอสเผยกับ ProPublica ว่า  โซรอสไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ในปี 2016-2018 เนื่องจากการลงทุนของเขาขาดทุน ส่วนเบโซสรายงานเมื่อปี 2011 ว่า มียอดขาดทุนจากการลงทุนมากกว่ารายได้จึงสามารถสำแดงว่าขาดทุนในปีนั้น และยังได้รับการลดหย่อน 4,000 เหรียญสหรัฐจากค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร

ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐเตรียมสอบสวนการนำเอกสารยื่นภาษีมาเปิดเผย เนื่องจากเป็นเรื่องผิดกฎหมาย

ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน มีแผนเก็บขึ้นภาษีมหาเศรษฐีเพื่อนำมาลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมทั้งจะขึ้นอัตราภาษีเงินได้สูงสุดจาก 37% เป็น 39.6% และเพิ่มภาษีจากการลงทุนเกือบ 2 เท่าเป็น 39.6% จากชาวอเมริกันที่มีรายตั้งแต่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

Photos by Brendan Smialowski and MANDEL NGAN / AFP, REUTERS/Luke MacGregor