posttoday

นักโบราณคดีพบอนุสรณ์สงคราม 4,300 ปีเก่าแก่ที่สุดในโลก

30 พฤษภาคม 2564

โบราณสถานอายุกว่า 4,000 ปีแห่งนี้อยู่ที่ซีเรีย ถูกทอดทิ้งไปนานหลายปีจนกระทั่งได้รับการศึกษาอีกครั้ง

นักโบราณคดีค้นพบว่ากองดินขนาดมหึมาในเมืองเทล บานัต (Tell Banat) ซีเรียอาจเป็นอนุสรณ์สถานสงครามที่เก่าแก่ที่สุดในโลกซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ 2300 ปีก่อนคริสตกาล พบว่าศพของทหารเดินเท้าและรถรบโดยถูกฝังไว้เป็นกลุ่มๆ ภายในอนุสาวรีย์ที่ทำจากดินกองเป็นพูนใหญ่ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าศพที่ถูกฝังเป็นฝ่ายชนะหรือแพ้และเป็นศพทหารจากสงครามอะไร

กองดินใหญ่แห่งนี้มีชื่อว่า "อนุสาวรีย์สีขาว" (White Monument)ซึ่งขุดพบในช่วงทศวรรษที่ 1980 และ 1990 พื้นที่ดังกล่าวจมอยู่ใต้น้ำในปี 1999 โดยการสร้างเขื่อนทิชรินแกั้นแม่น้ำยูเฟรติสและไม่ได้รับการตรวจสอบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งนักโบราณคดีทำการขุดค้นอีกครั้งโดยนักโบราณคดีจาก University of Toronto ประเทศแคนาดา

อนุสาวรีย์สีขาวได้ชื่อนี้มาเพราะมันถูกเคลือบด้วยแร่สีขาวที่เรียกว่ายิปซั่ม แอน พอร์เตอร์ หนึางในหนังวหน้าทีมขุดค้นบอกว่ามันถูกสร้างขึ้นเป็น 3 ชั้น ชั้นแรกคือเนินดินเรียบซึ่งทีมงานไม่สามารถขุดค้นได้เนื่องจากน้ำท่วม ชั้นต่อมาผู้คนได้สร้างกองดินขนาดเล็กขึ้นด้านบนของชั้นแรกซึ่งบรรจุกระดูกมนุษย์เอาไว้ และชั้นที่สามมีการสร้างชานชาลาแบบขั้นบันไดรอบขอบเนิน

ในกองดินนั้นทีมขุดค้นได้พบกระดูกที่ไม่เป็นชิ้นส่วนเป็นอันจำนวนมาก บางชิ้นเป็นของมนุษย์ บางชิ้นเป็นของสัตว์อื่นๆ ที่คล้ายกับลา แต่บางชิ้นยังบอกไม่ได้แน่นอน มีหลุมขุดค้นกลุ่มหนึ่งเก็บซากศพของมนุษย์ที่ถูกฝังด้วยเม็ดแข็งของดินบดอัดซึ่งอาจเป็นอาวุธแบบยิง (กระสุนดินที่ใช้สลิงยิง) ทีมงานระบุว่าซากซพเหล่านี้เป็นทหารเดินเท้า

รายงานการขุดค้นและวิจัยสรุปว่า "การจัดเรียงของกระดูกไม่สอดคล้องกับการกองศพตามยถากรรมตามที่พบในจารึกชัยชนะของชาวเมโสโปเตเมียและแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในภาพ (จารึก) เนื่องจากอนุสาวรีย์สีขาว A ไม่ใช่การฝังศพของคนที่เพิ่งตายเราจึงต้องสันนิษฐานว่าผู้ชนะจะเก็บกระดูกของศัตรูและสร้างอนุสาวรีย์ไว้เป็นเวลานานหลังจากการต่อสู้หรือไม่ แต่เราสรุปได้ว่าอนุสาวรีย์สีขาว A ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เข้าร่วมหรืออาจจะตายในความขัดแย้งในท้องถิ่นไม่ว่าผู้ตายจะเป็นของผู้ชนะหรือผู้พ่ายแพ้ก็ตาม"

สำหรับจารึกชัยชนะของชาวเมโสโปเตเมียที่รายงานนี้เอ่ยถึงคือ Stele of the Vultures (จารึกนกแร้ง) ที่มีภาพจารึกกองศพที่เต็มไปด้วยซากศพศัตรูซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการลงโทษผู้พ่ายแพ้และชัยชนะในจารึกของชาวเมโสโปเตเมีย แสดงให้เห็นว่าชาวเมโสโปเตเมีนจะไม่จัดการกับศพของสัตรูด้วยการสร้างอนุสรณ์สถาน

ในจารึกนกแร้งยังเอ่ยถึงเทพเจ้านินกีรซู (Ningirsu) ที่ให้สัญญากับกษัตริย์เออันนาทุม (Eannatum) ของชาวสุเมเรียนว่า “ซากศพของพวก (ศัตรู) เขาจะกองสุมไปถึงฐานสวรรค์” ซึ่งคำสัญญานี้เกิดขึ้นระวหางการสงครามที่เมืองอุมมา

เนื้อหาและภาพจาก Cambridge University Press: 28 May 2021 เรื่อง "Their corpses will reach the base of heaven”: a third-millennium BC war memorial in northern Mesopotamia?"