posttoday

แบนตลอดไปหรือแค่ตามกระแส นักช็อปจีนเสียงแตกเรื่องแบรนด์ดังไม่ใช้ฝ้ายซินเจียง 

01 เมษายน 2564

ส่องท่าทีกระแสแบนสินค้าต่างชาติในจีน ผู้บริโภคจะไม่ซื้อตลอดไปหรือคว่ำบาตรพอเป็นพิธี

จากกรณีชาวจีนแห่แบนสินค้าแบรนด์ดังจากต่างชาติ อาทิ H&M, Nike, Adidas เนื่องจากแบรนด์เหล่านี้ประกาศว่าจะไม่ใช้ฝ้ายจากเขตปกครองตนเองซินเจียงของจีนมาผลิตสินค้า เพราะกังวลเรื่องการบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์ ล่าสุด H&M ออกแถลงการณ์ใหม่ว่าจะฟื้นความเชื่อมั่นในจีนอีกครั้ง 

แถลงการณ์ของ H&M เมื่อวันพุธ (31 มี.ค.) เน้นย้ำเรื่องความสำคัญของตลาดจีนโดยจะเดินหน้าทำตลาดในจีนต่อไปตามเดิม และแจงว่ากำลังวางกลยุทธ์ในการจัดหาวัตถุดิบมาผลิตสินค้าเพื่อแก้ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรในจีน และจะเดินหน้าเรียกความเชื่อมั่นจากลูกค้าและหุ้นส่วนธุรกิจในจีนกลับมาอีกครั้ง 

แม้ว่าแถลงการณ์ฉบับล่าสุดนี้จะไม่ได้เอ่ยถึงซินเจียง แต่มองได้ว่าเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว เพราะเกิดขึ้นหลังจาก H&M ต้องเผชิญกระแสวิพากษ์วิจารณ์และการแบนสินค้าจากชาวจีนอย่างหนัก

ทว่าแถลงการณ์นี้ก็ไม่ได้ทำให้ชาวจีนเปลี่ยนใจ ผู้ใช้เวยปั๋วรายหนึ่งเผยว่า “จะแบน Nike, Adidas, H&M ต่อไปไม่ว่าคำแถลงจะระบุว่าอะไรก็ตาม” ส่วนอีกรายหนึ่งเผยว่า “ยังไม่เห็นคำขอโทษและความจริงใจเลย”

อย่างไรก็ดี สำนักข่าวเซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์รายงานว่า กระแสแบนแบรนด์ดังต่างๆ เริ่มจะแผ่วลงแล้วเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยยกตัวอย่างว่ารองเท้ากีฬาสำหรับผู้หญิงรุ่นใหม่ล่าสุดที่วางจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ของ Tmall ของเครือ Alibaba มีคนสนใจถึง 350,000 คนและในที่สุดก็ Sold Out ในพริบตา

ขณะที่สำนักข่าว Soccer News  รายงานว่า แม้ว่าสมาคมฟุตบอลที่รัฐบาลจีนหนุนหลังจะประณามท่าทีของ Nike ต่อกรณีซินเจียงเป็นการภายใน แต่กลับไม่ได้ยุติสัญญา 10 ปีที่ทำไว้กับ Nike  

แบนตลอดไปหรือแค่ตามกระแส นักช็อปจีนเสียงแตกเรื่องแบรนด์ดังไม่ใช้ฝ้ายซินเจียง 

นอกจากนี้ เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ยังลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นจากผู้บริโภคชาวจีนโดยตรงและพบว่า แม้ในโลกโซเชียลมีเดียจะมีกระแสแบน แต่ในโลกความจริงผู้บริโภคยังเสียงแตก แฟนคลับแบรนด์ดังบางคนไม่สนใจที่จะเข้าไปเล่นใน “เกมการเมือง” ครั้งนี้ อีกส่วนหนึ่งหันมาช็อปแบรนด์ในประเทศแทนแบรนด์ระดับโลก

เทเรซา ไป๋ ลูกค้า H&M วัย 23 ปีเผยว่า “นี่เป็นเกมการเมืองระหว่างจีนกับสหรัฐ ฉันคิดว่า H&M เป็นผู้เสียหาย แบรนด์ต้องเลือกระหว่างตลาดตะวันตกและตลาดจีน แล้ว H&M ก็เลือกตะวันตกซึ่งมีส่วนแบ่งมากกว่า” เธอยังบอกอีกว่าผู้บริโภคต้องซื่อสัตย์กับการตัดสินใจของตัวเองและไม่หลับหูหลับตาแบน และทิ้งท้ายว่า “ฉันจะซื้อของที่ฉันชอบต่อไป” 

ลูกค้าอีกรายหนึ่งเผยทำนองเดียวกันว่า “มันเป็นเรื่องระดับชาติ และเรื่องการเมืองก็ซับซ้อนเกินกว่าที่คนธรรมดาอย่างเราจะเข้าใจ H&M ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายในจีน และพนักงานของแต่ละร้านก็เป็นคนจีน”

ส่วนวัยรุ่นอีกรายหนึ่งซึ่งเป็นแฟน Nike และกำลังเลือกซื้อรองเท้า Nike ในร้านแห่งหนึ่งในกรุงปักกกิ่งเผยว่า “ในฐานะที่ผมเกิดและโตที่จีน แน่นอนว่าผมต้องต่อต้าน แต่หัวใจผมสลายเลย เพราะสไตล์ Nike สวยมาก เพราะฉะนั้นผมจะซื้อต่อ”

ขณะที่มีความกังวลว่าคนที่ยังเดินหน้าซื้อสินค้าจากแบรนด์เหล่านี้จะถูกล่าแม่มดด้วยการนำข้อมูลส่วนตัวมาเปิดเผยในโลกโซเชียลท่ามกลางกระแสรักชาติที่กำลังแรง

หญิงรายหนึ่งที่กำลังเลือกซื้อเสื้อจากแบรนด์ H&M ในกรุงปักกิ่งรีบเดินออกจากร้านก่อนจะอธิบายตัวเองกับผู้สื่อข่าวเซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ว่า ปกติไม่ได้ซื้อสินค้าของ H&M แต่ต้องมาที่ร้าน  H&M เพื่อซื้อเสื้อไปแทนตัวเก่าที่เปื้อนเมื่อวันก่อน เพราะไม่มีเวลาไปร้านอื่น แต่เธอย้ำว่าจะร่วมแบนสินค้าต่างชาติแน่นอน

หญิงรายนี้ยังถามกลับผู้สื่อข่าวว่าจะโพสต์แฉว่าเธอซื้อสินค้า H&M ในโซเชียลแล้วรุมประณามเธอหรือเปล่าด้วย

ขณะที่ห้างสรรพสินค้าเริ่มยกระดับการเดินตรวจตราความเรียบร้อยภายในห้างเพื่อป้องกันการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายแบนและฝ่ายไม่แบน เนื่องจากกรณีดังกล่าวกำลังเป็นประเด็นอ่อนไหวในขณะนี้

Photo by STR / AFP