posttoday

สองพรรคเดินหน้าถอดถอนทรัมป์จากตำแหน่ง

10 มกราคม 2564

แม้แต่ไมค์ เพนซ์ก็อาจจะใช้อำนาจที่มีอยู่เพื่อถอดถอน "ลูกพี่" ของเขาด้วยซ้ำ

เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นพรรคเดโมแครตของสหรัฐเตรียมดำเนินการยื่นถอดถอนโดนัลด์ ทรัมป์จากตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งที่สอง เนื่องจากทรัมป์แสดงท่าทีว่าไม่ยอมจะก้าวลงจากตำแหน่งหลังจากเกิดความวุ่นวายขึ้นที่สภาคองเกรส ซึ่งกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐถึง 2 ครั้งเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน

พรรคเดโมแครตกล่าวว่ากระบวนการถอดถอนอาจเริ่มต้นได้เร็วที่สุดในวันจันทร์ (หรือวันอังคารตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งเป็นกระบวนการเร่งด่วนที่ไม่ปกติในอดีตต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ แต่แม้จะเร่งแล้วกระบวนการถอดถอนล่าสุดอาจไม่เสร็จสิ้นก่อนที่โจ ไบเดนจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม

ประธานสภาผู้แทนราษฎรแนาซี่ เปโลซี่ เตือนว่าพรรคเดโมแครตจะเริ่มกระบวนการนี้เว้นแต่ทรัมป์จะลาออกหรือรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ประกาศให้ใช้มาตราแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่ 25 ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีอำนาจที่จะจะถอดประธานาธิบดีออก

"เขาบ้าคลั่งและเป็นอันตราย เขาต้องไป" เปโลซีทวีตเมื่อวันศุกร์โดยกล่าวถึงทรัมป์

การเคลื่อนไหวเพื่อถอดถอนเกิดขึ้นท่ามกลางความไม่พอใจอย่างต่อของสาธารณชนต่อการโจมตีสภาคองเกรสเมื่อวันพุธโดยผู้สนับสนุนทรัมป์ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คนรวมถึงตำรวจของรัฐสภา

ทั้งนี้ เมื่อเกือบ 11 เดือนก่อนทรัมป์พ้นโทษในการพิจารณาถอดถอน ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2019 เมื่อสภาผู้แทนราษฎร (ที่พรรคเดโมแครตมีเสียงข้างมาก) ฟ้องร้องทรัมป์ในข้อหาใช้อำนาจในทางที่ผิดและขัดขวางรัฐสภา แต่ วุฒิสภา (ที่นำโดยรีพับลิกัน) มีมติให้ทรัมป์พ้นข้อกล่าวหาในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2020 ทำให้เขารอดจากการถูกถอดถอนในครั้งนั้นไป

ในครั้งนี้ หากเปโลซีดำเนินการให้สภาสามารถอนุมัติการถอดถอนได้ในไม่กี่วัน คราวนี้จะมีแรงนับสนุนของพรรครีพับลิกันที่ไม่พอใจทรัมป์ด้วยเพราะทำให้พรรคเสื่อมเสียเกียรติภูมิอย่างมาก

แม้ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่วุฒิสภาพรรครีพับลิกัน 17 คนจะเข้าร่วมพรรคเดโมแครตเพื่อทำให้เกิดเสียงในสภาสองในสามเพื่อทำการถอดถอน แต่กระแสความไม่พอใจทรัมป์ในหมุ่พรรคเดโมแครตนั้นรุนแรงไม่น้อย จนผู้นำพรรครีพับลิกันเอ่ยปากเรื่องนี้เอง จากการรายงานของ The New York Times

ล่าสุด CNN รายงานอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับรองประธานาธิบดีกล่าวว่า รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้มาตราแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่ 25 และต้องการรักษาทางเลือกไว้ในกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังแสดงอาการที่เอาแน่เอานอนไม่ได้

Photo by Erin Schaff / POOL / AFP