posttoday

อเมริกาสองมาตรฐาน คนขาวเปิดทาง คนดำสกัดเต็มที่

08 มกราคม 2564

หลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พากันบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐและทำลายข้าวของก็เกิดการเปรียบเทียบวิธีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ปฏิบัติกับการประท้วงเรียกร้องความเท่าเทียมของกลุ่มคนผิวสี (Black Lives Matter) เมื่อปีที่แล้วทันที  

เมื่อกลางปีที่แล้วตำรวจสหรัฐที่มาพร้อมอาวุธครบมือต้อนรับกลุ่ม Black Lives Matter ด้วยแก๊สน้ำตา การใช้ความรุนแรง และการจับกุม แต่การบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมากลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

ภาพของกลุ่มผู้ประท้วงที่บางคนถือธงสมาพันธรัฐอเมริกา (Confederate flags) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกบฎและการเหยียดเชื้อชาติ บางคนแต่งกายคล้ายชุดทหาร ที่เจ้าหน้าที่ยอมปล่อยให้เข้าไปในอาคารรัฐสภาอย่างง่ายดาย หรือเจ้าหน้าที่บางคนยังเซลฟี่กับกลุ่มผู้ประท้วง ถูกแชร์ต่อๆ กันในโลกออนไลน์

ภาพการปฏิบัติกับผู้ประท้วงที่เป็นสองมาตรฐานนี้ทำให้ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐทนไม่ได้ถึงกับต้องพูดว่า “ไม่เพียงแต่เราจะได้เห็นความล้มเหลวในการปกป้องหนึ่งในสามอำนาจของรัฐบาลเท่านั้น แต่เรายังได้เห็นถึงความล้มเหลวในการอำนวยความยุติธรรมอย่างเท่าเทียมอย่างชัดเจนด้วย”

ไบเดนยังเอ่ยถึงคำพูดที่หลานสาวพูดกับเจ้าตัวอีกว่า “ไม่มีใครรับรองได้หรอกว่าถ้าเมื่อวานเป็นการประท้วงของกลุ่ม Black Lives Matter พวกเขาจะไม่ถูกปฏิบัติอย่างแตกต่างมากๆ จากกลุ่มอันธพาลที่บุกอาคารรัฐสภา”

ด้านว่าที่รองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส พูดถึงกรณีนี้เช่นกันว่า “เราได้เห็นระบบยุติธรรม 2 ระบบ หนึ่งคือระบบที่ปล่อยให้พวกหัวรุนแรงบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐ และอีกหนึ่งระบบที่ใช้แก๊สน้ำตากับการชุมนุมโดยสงบเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา” ซึ่งหมายถึงการประท้วงเรียกร้องความเท่าเทียมของคนผิวสี

ขณะที่บรรดานักการเมืองสหรัฐคนอื่นๆ แสดงท่าทีต่อการประท้วงในบ้านตัวเองแตกต่างจากการพูดถึงการประท้วงของประเทศอื่นอย่างสิ้นเชิง อาทิ ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ที่เคยพูดถึงการประท้วงที่ฮ่องกงไว้ว่า “เราขอยืนเคียงข้างชาวฮ่องกง” แต่กลับเอ่ยถึงการบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐว่า “การไม่เคารพกฎหมายและการก่อจลาจลเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้เสมอ”

หรือแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่เคยพูดเมื่อเดือน มิ.ย.2019 ว่าการประท้วงที่ฮ่องกงนั้น “เป็นภาพที่สวยงาม” ซึ่งหลังเหตุการณ์ประท้วงในสหรัฐทำให้หนังสือพิมพ์ Global Times ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลจีนนำคำพูดนี้มาย้อนถามกลับว่า “ไม่รู้ว่าเธอจะพูดอย่างเดียวกันนี้กับการประท้วงที่อาคารรัฐสภาหรือไม่”

ปฏิกิริยาแบบพลิกลิ้นจากนักการเมืองสหรัฐเหล่านี้ ทำให้ หัวชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนโจมตีว่า “การตอบสนองและคำที่ใครบางคนในสหรัฐใช้กับเหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงเมื่อปี 2019 ช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับที่ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐ”