posttoday

เยอรมนีทดลองแจกเงินรายได้ประจำถ้วนหน้าให้ประชาชน

24 สิงหาคม 2563

เป็นอีกหนึ่งประเทศในแถบยุโรปที่ทำการทดลองแนวคิดนี้ หลังการทดลองที่ฟินแลนด์ไม่ค่อยจะได้ผลมากนัก

โครงการแจกเงินรายได้ประจำถ้วนหน้า หรือ Universal Basic Income เป็นแนวคิดที่มีอยู่ในหลายประเทศ โดยเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่งที่รัฐมอบให้ประชาชน แทนที่จะตอบสนับสนุนประชาชนด้วยบริการขั้นพื้นฐานอย่างเดียว รัฐจะแจกเงินรายได้ประจำให้ประชาชนด้วยโดยมีจำนวนเงินมากพอให้ประชาชนสามารถนำไปใช้เพื่อประคับประคองชีวิตได้ หรือมากพอที่จะทำให้ประชาชนไม่ต้องตกอยู่ในความยากจน

แต่โครงการ Universal Basic Income (ซึ่งบางแห่งเรียกว่ารายได้มูลฐาน) มีความยากในการปรับใช้ เนื่องจากต้องใช้งบประมาณมหาศาล ดังนั้นบางประเทศจึงต้องทำการทดลองใช้การในวงจำกัด เช่น เยอรมนีเพิ่งจะเริ่มการศึกษาเป็นเวลา 3 ปีเพื่อศึกษาว่าการแจกเงินรายได้ถ้วนหน้าจะผลต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของผู้รับอย่างไร

ผู้เข้าร่วมการทดลองจำนวน 120 คนจะได้รับเงิน 1,200 ยูโรหรือประมาณ 44,700 บาททุกเดือนเป็นเวลา 3 ปีซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เลยเส้นความยากจนของเยอรมนี (หมายถึงมากพอที่จะเลี้ยงชีพได้โดยไม่ถือเป้นคนยากจนในเยอรมนี) และนักวิจัยจะเปรียบเทียบประสบการณ์ของพวกเขากับกลุ่มอื่น ๆ 1,380 คนที่เข้าร่วมการทดลองแต่จะไม่ได้รับเงิน

เยอร์เกน ชุปป์ (Jürgen Schupp) ซึ่งเป็นผู้นำการศึกษากล่าวกับหนังสือพิมพ์ Der Spiegel ของเยอรมันว่าจะใช้สร้างหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากการทดลองนี้เพื่อเป็นข้อมูลในการถกเถียงกันเกี่ยวกับผลดีและผลเสียของโครงการแจกเงินรายได้ถ้วนหน้า เพราะที่ผ่านมาประเด็นนี้มักเถียงกันในแง่หลักการ

ชุปป์ชี้ว่าฝ่ายคัดค้านอ้างว่าคนที่มีรายได้ขั้นพื้นฐานจะทำให้คนหยุดทำงานแล้วอยู่กับบ้านเฉยๆ ใช้ชีวิตตามสบายไม่กระตือรือร้น ส่วนผู้สนับสนุนแย้งว่าการแจกรายได้ถ้วนหน้าจะช่วยให้ผู้คนไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้อง สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึน มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น มีนิสัยเอื้อเฟื้อมากขึ้น และยังช่วยสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย

นอกจากเยอรมนีแล้ว ฟินแลนด์ยังทดลองการแจกเงินรายได้ประจำถ้วนหน้าเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ตั้งแต่เดือนมกราคม 2017 ถึงธันวาคม 2018 โดยประชาชนที่ว่างงาน 2,000 คนได้รับเงิน 560 ยูโรต่อเดือนหรือประมาณ 20,800 บาท แต่นักวิจัยได้สรุปถึงแม้ว่าการแจกเงินจะช่วยให้คนว่างงานรู้สึกมีความสุขมากขึ้น แต่ไม่ชาวยทำให้เกิดการจ้างงานมากขึ้นจากการายงานของ BBC

AFP PHOTO / MAXIM MALINOVSKY