posttoday

เปิดประเทศไม่คุ้มเสีย กีวียังถอยแล้วไทยจะไปต่อหรือ

04 สิงหาคม 2563

ตัวอย่างจากเพื่อนบ้านมีให้เห็น เปิดประเทศแล้วโควิดระบาดรอบสอง เสี่ยงเสียหายหนักกว่าเดิม

ช่วงเดือนนี้มีความเป็นไปได้ว่าทางการไทยจะผ่อนปรนเฟส 6 เปิดรับชาวต่างชาติ 4 กลุ่ม อาทิ  ชาวต่างชาติที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถือบัตรไทยแลนด์ อีลิท การ์ด เข้าประเทศ เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เดือดร้อนหนักจากการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส

จริงอยู่ว่าการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจะช่วยให้เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดของ Covid-19 ฟื้นฟูขึ้นมาได้บ้าง แต่การเปิดประตูบ้านรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งที่ความเสี่ยงที่นักท่องเที่ยวจะนำเชื้อเข้ามาแพร่ในประเทศไทยยังสูงอาจสร้างความเสียหายให้กับภาคการท่องเที่ยวหนักว่าที่เป็นอยู่

ขณะนี้แม้ว่าประเทศไทยจะไม่พบผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสในประเทศติดต่อกันหลายวันแล้ว จะมีก็แต่ผู้ป่วยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศเข้าไทย แต่หากมองไปรอบๆ บ้าน รวมทั้งหลายๆ ประเทศในเอเชียและในยุโรป ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแทบจะทำลายสถิติรายวัน

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ เวียดนาม ที่ได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็นตัวอย่างที่ดีในการจัดการการแร่ระบาดจนไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่คนเดียว ปรากฏว่าผ่านไป 100 วัน สถิติไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศของเวียดนามก็ต้องหยุดลงหลังพบผู้ติดเชื้อในประเทศเคสแรกในเมืองดานัง ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของเวียดนาม

10 วันนับจากพบการติดเชื้อในเมืองดานัง ตัวเลขผู้เสียชีวิตจาก Covid-19 ในเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็น 8 คน เจ้าหน้าที่ต้องอพยพผู้คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวราว 80,000 คน รวมทั้งยกเลิกเที่ยวบินเข้าและออกจากเมืองดานัง จนเมืองที่เคยคึกคักอยู่ในสภาพไม่ต่างจากเมืองร้าง ชายหาดที่เคยมีชีวิตชีวาก็ไร้ผู้คน

แม้จะยังไม่รู้สาเหตุการแพร่ระบาดระลอกใหม่ แต่ทางการเวียดนามคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากการลักลอบเข้าเมืองจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีน

อีกประเทศหนึ่งคือ ฟิลิปปินส์ กรุงมะนิลาและอีก 4 จังหวัดรอบๆ บนเกาะลูซอน ซึ่งมีประชากรรวมกันราว 27 ล้านคนต้องหวนกลับมาประกาศล็อกดาวน์อีกครั้งเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากพบตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 5 เท่าตัว โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 5,032 ราย รวมแล้วตัวเลขผู้ติดเชื้อทะลุ 100,000 คนเรียบร้อย

ฮ่องกงเป็นอีกหนึ่งจุดที่พบการติดเชื้อระลอกใหม่ โดยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อหลักร้อยคน 12 วันติด หลังจากไม่พบการติดเชื้อในประเทศติดต่อกัน 3 สัปดาห์ โดยก่อนหน้านี้ฮ่องกงมีนโยบายผ่อนคลายการเดินทางเข้าประทเศ อาทิ  ยกเว้นมาตรการกักตัวให้กับนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม อาทิ เจ้าหน้าที่รัฐบาล พนักงานสายการบิน นักธุรกิจ

จากตัวเลขของทางการฮ่องกง นับตั้งแต่ใช้มาตรการนี้เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา มีผู้ได้รับยกเว้นแล้วกว่า 290,000 ราย ขณะที่ทางกระทรวงสาธารณสุขคาดว่าผู้ที่ได้รับยกเว้นเหล่านี้มีส่วนทำให้การติดเชื้อในประเทศกลับมาอีกครั้ง

ทั้งสามประเทศข้างต้นต่างก็เคยควบคุมการแพร่ระบาดในระเทศได้อยู่หมัดแล้ว ไม่ต่างจากการควบคุมของไทยที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่รับมือและฟื้นตัวจาก Covid-19 (Global Covid-19 Index) เป็นอันดับ 1 ของโลก แต่แม้จะรับมือได้ดีเพียงใด เชื้อก็ยังมีโอกาสกลับขึ้นมาอีกได้ทุกเมื่อ แผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอันต้องพับไป ความปลอดภัยของประชาชนต้องมาก่อน

อย่างเช่นกรณีของ Travel Bubble ระหว่างออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ขณะที่นิวซีแลนด์ไม่พบการติดเชื้อในประเทศ และจัดการกักตัวใครก็ตามที่ติดเชื้อตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินทางเข้าประเทศ แต่ในรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลียกลับต้องงัดมาตรการล็อกดาวน์กลับมาใช้อีกครั้ง

การพบเชื้อในรัฐวิกตอเรียทำให้มาตรการ Travel Bubble ที่คาดว่าจะเป็น Travel Bubble แรกของโลกต้องล่าช้าออกไป โดยนายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ประกาศว่า นิวซีแลนด์จะยังไม่เปิด Travel Bubble กับออสเตรเลียในอนาคตอันใกล้นี้ และประเทศใดก็ตามที่จะเปิด Travel Bubble กับนิวซีแลนด์จะต้องปลอดการติดเชื้อในประเทศอย่างน้อย 28 วัน

กลับมาที่ประเทศไทย หากต้องปิดประเทศต่อไปภาคธุรกิจจะแบกรับความเสียหายต่างๆ ไหวไหม เนื่องจากไทยต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวจากชาวต่างชาติเป็นหลัก

ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะหดตัวมากที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกคือ หดตัวราว 5% และจะมีคนตกงานประมาณ 8.3 ล้านคน

เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารโลกประจำประเทศไทยเผยว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เศรษฐกิจไทยหดตัวหนักกว่าเพื่อนบ้านคือ ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว โดยรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยคิดเป็นสัดส่วน 15% ของจีดีพี

หรือหากรัฐบาลเลือกเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แล้วเกิดการติดเชื้อในประเทศขึ้นมาอีกระลอกจนต้องหวนกลับไปนับหนึ่งเริ่มล็อกดาวน์กันใหม่ คนทั้งประเทศจะแบกรับไหวไหม เพราะแค่ล็อกดาวน์ระลอกแรกบางคนยังฟื้นตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ อีกทั้งรัฐบาลก็คงจะไม่มีเงินมาช่วยเหลือกันได้บ่อยๆ ด้วยเหตุผลที่ทราบกันดีว่าสถานะการเงินของไทยตอนนี้ไม่สู้ดี

กรณีของเวียดนาม เวียดนามสั่งปิดพรมแดนทั้งทางบกและทางอากาศตั้งแต่ช่วงที่ Covid-19 ระบาดใหม่ๆ บรรดาโรงแรม รีสอร์ท และธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวอื่นๆ ก็หันไปพึ่งการท่องเที่ยวจากคนในประเทศแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่การระบาดรอบสองในขณะนี้ แม้แต่การท่องเที่ยวจากคนในประเทศก็เป็นที่แหล่งสร้างรายได้ให้ไม่ได้แล้ว

มาร์เซล เรเนส เจ้าของบริษัททัวร์ Ninh Binh ในเวียดนามเผยว่า “ผมคิดไม่ออกว่าต้องทำอะไรแล้ว พรมแดนยังคงปิดต่อไป และผมก็คิดว่ามันจะปิดต่อไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน”

หากไทยต้องปิดประเทศอีกครั้ง เพราะนักท่องเที่ยวนำเชื้อเข้ามาติดคนในประเทศ อย่าว่าแต่การท่องเที่ยวที่จะไม่ไหวเลย ประชาชนคนธรรมดาก็ไม่รอดเช่นกัน

รัฐบาลต้องระลึกไว้เสมอว่า แม้ว่าไทยจะคุม Covid-19 ได้ดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยจาก Covid-19 100%  รัฐบาลไม่ควรประมาทเช่นเดียวกับที่ ศบค.เน้นย้ำให้ประชาชนไม่ประมาท การ์ดอย่าตก

คำตอบสุดท้ายของการเปิดบ้านรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคือ ควรรอให้มีวัคซีนป้องกัน Covid-19 เสียก่อน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทั้งชาวต่างชาติและคนไทยเอง เพราะขณะนี้ทุกคนต่างก็เฝ้ารอวัคซีน

อาร์ชี คลีเมนต์ส นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคอร์ทินในเมืองเพิร์ธของออสเตรเลียเผยว่า ตราบใดที่ทั่วโลกยังมีการติดเชื้อในประเทศ การเดินทางระหว่างประเทศจะเป็นไปไม่ได้จนกว่าจะมีวัคซีน

คลีเมนต์สยังกล่าวอีกว่า “เราต้องรับมือกับ Covid-19 ไปอีกระยะหนึ่ง ผมคาดว่ากว่าเราจะกลับมาเดินทางระหว่างประเทศได้ตามปกติคงต้องใช้เวลาหลายปี”

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผลกระทบจาก Covid-19 ลากยาวจนเศรษฐกิจประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอย รัฐควรดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ควบคู่ไปกับการยกการ์ดป้องกันไม่ให้โคโรนาไวรัสโจมตีระลอกสอง