รพ.ญี่ปุ่น พบนักเรียนมัธยมปรึกษาเรื่องตั้งครรภ์มากขึ้นช่วงโควิด

สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า โรงพยาบาล Jikei ในจังหวัดคุมาโมโต้ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีศูนย์รับปรึกษาการตั้งครรภ์ได้เผยว่า ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลได้รับข้อมูลการขอคำปรึกษาจากบรรดาเด็กมัธยมทั้งระดับ ม.ต้น และ ม.ปลาย เกี่ยวกับการตั้งครรภ์เป็นจำนวนมากสูงเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ที่โรงพยาบาลมีการจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาดังกล่าวขึ้นมา

รายงานระบุว่า ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลได้รับข้อปรึกษาจากบรรดานักเรียนมัธยมทั้งตอนต้นและตอนปลายเกี่ยวกับการตั้งครรภ์สูงถึง 75 รายในเดือนเดียว

Takeshi Hasuda รองหัวหน้าโรงพยาบาลเผยในการแถลงข่าวระบุว่า สิ่งเดียวกันที่เด็กๆเหล่านี้เจอคือได้ผลกระทบจากการที่โรงเรียนปิดเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิดระบาด จนนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์และอาจเกิดการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โดยในช่วงปกติเด็กนักเรียนเหล่านี้มักใช้เวลาส่วนใหญ่กับการเรียนและการทำกิจกรรมที่โรงเรียน แต่เมื่อโรงเรียนหลายแห่งต้องหยุดการเรียนการสอนเนื่องจากไวรัส ทำให้นักเรียนหลายคนมีเวลาว่างมากเกินไป รวมถึงไม่ได้เจอกับคนรักบ่อยเหมือนช่วงเวลาปกติ หลายครอบครัวพ่อแม่ออกไปทำงานนอกบ้านตามปกติ ไม่ได้มีการ Work from home เหมือนกับที่อื่นๆ จึงทำให้เด็กๆเหล่านี้ แอบนัดเจอคนรักที่บ้านช่วงที่พ่อแม่ไม่อยู่

รองหัวหน้าโรงพยาบาลในคุมาโมโต้เผยอีกว่า ที่เป็นกังวลมากที่สุดคือ นักเรียนบางคนมีเพศสัมพันธ์กับแฟนเป็นครั้งแรก โดยขาดความเข้าใจในเรื่องการคุมกำเนิด เนื่องจากอาศัยจังหวะช่วงที่พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน แอบพบกับคนรักจึงเป็นกังวลต่อการท้องในวัยเรียน ขณะบางรายมีผลตรวจการตั้งครรภ์เป็นบวกแล้ว

สำหรับศูนย์ปรึกษาแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 รับปรึกษาการตั้งครรภ์โดยมีการเปิดให้บริการรับคำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมงทั้งทางโทรศัพท์และทางอีเมล์ โดยทางโรงพยาบาลเผยว่าช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน ซึ่งตรงกับที่โรงเรียนหลายแห่งในญี่ปุ่นประกาศปิดการเรียนการสอน ทางศูนย์ฯให้คำปรึกษาไปแล้ว 592 เคสโดยเฉพาะในเดือนเมษายน จำนวนนี้ถึง 13% เป็นกรณีเด็กนักเรียนมัธยม ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหากเทียบกับช่วงเวลาปกติที่จะพบเคสนักเรียนเข้ามาขอคำปรึกษาที่ราว 5-7% เท่านั้น

อย่างไรก็ดี โรงพยาบาลไม่ได้ให้รายละเอียดเชิงสถิติถึงช่วยอายุของนักเรียนที่เข้ามารับคำปรึกษา รวมถึงทางศูนย์แห่งนี้รับให้คำปรึกษาจากทั่วประเทศ ไม่เฉพาะแค่ในพื้นที่จังหวัดคุมาโมโต้เท่านั้น

แฟ้มภาพ AFP Photo/KAZUHIRO NOGI