เยอรมนีออกกฎเข้มให้ประชาชนสวมหน้ากากทั้งประเทศ

เมื่อวันพุธ (22 เมษายน) ผ่านมา รัฐเบรเมน ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ได้กลายเป็นรัฐสุดท้ายจากทั้งหมด 16 รัฐในเยอรมนีที่ออกมาตรการให้ประชาชนสวมหน้ากากป้องกันเชื้อขณะที่โดยสารขนส่งสาธารณะหรือออกนอกเคหะสถาน อันเป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา เช่นเดียวกับรัฐอื่นๆอย่าง นอร์ทไรน์ - เวสต์ฟาเลีย, โลว์เออร์แซกโซนี, ไรน์แลนด์ - พาลาทิเนต, ซาร์ลันด์และบรันเดนบูร์ก ได้ประกาศใช้มาตรการเช่นเดียวกันนี้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้เมื่อวันพุธ ยังเป็นวันแรกที่ภาคธุรกิจบางส่วนของเยอรมนีกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังถูกปิดเนื่องจากมาตการล็อกดาวน์เป็นเวลาเกือบ 1 เดือน โดยภาคธุรกิจที่กลับมาเปิดให้บริการนี้จะต้องเป็นร้านค้าที่มีพื้นที่ไม่เกิน 800 ตารางเมตร ส่วนโรงเรียนคาดว่าจะกลับมาเปิดการเรียนการสอนได้อีกครั้งภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า

ความคืบหน้าดังกล่าวมีขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรี แสดงท่าทีสนับสนุนการใช้หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อขณะอยู่ในที่สาธารณะ พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละรัฐพิจารณาถึงออกข้อกำหนดสวมหน้ากากในที่สาธารณะ ซึ่งก่อนหน้านี้ออสเตรียถือเป็นชาติแรกในยุโรปที่ออกกฎให้ประชาชนต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน

หลังจากนี้รัฐบาลเบอร์ลินเผยว่าอาจต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 14 วัน เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าจะผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มทางสังคมในส่วนอื่นๆเพิ่มเติมหรือไม่ โดยเยอรมนีมียอดสะสมติดเชื้อที่ 145,694 ราย เสียชีวิตแล้ว 4,879 รักษาหายแล้วกว่า 99,000 ราย

ด้านหนึ่งที่สถาบันวิจัยวัคซีนแห่งชาติเยอรมนี ได้อนุมัติให้มีการเริ่มต้นทดสอบวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ในมนุษย์แล้ว เบื้องต้นมีอาสาสมัครที่สุขภาพดีราว 200 คนอายุระหว่าง 18-55 ปี เข้าร่วมการทดสอบดังกล่าว โดยวัคซีนชุดนี้ได้รับการพัฒนาภายใต้ความร่วมมือของบริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐอย่าง Pfizer กับ บริษัท BioNTech SE ผู้เชี่ยวชาญด้านไบโอเทคโนโลยีของเยอรมนี