เมื่อเตาอบพิซซ่าถูกเปลี่ยนเป็นเตาผลิตหน้ากากเฟซชิลด์

มาตรการล็อกดาวน์ส่งผลให้ชะตากรรมของธุรกิจร้านอาหารเล็กๆ แขวนอยู่บนเส้นด้าย เนื่องจากยอดขายลดลง เพราะไม่สามารถเปิดพื้นที่ให้ลูกค้าเข้าไปนั่งทานในร้านได้ตามเดิม บางร้านจึงต้องมีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและรักษาพนักงานไว้

เช่นเดียวกับร้านอาหารอื่นๆ หลังจากมีคำสั่งจากผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ให้งดให้บริการนั่งทานในร้าน ยอดขายของร้านพิซซ่า Dimo’s Pizza ในเมืองชิคาโกก็ลดลงราว 70% แต่ ดิมิตรี ซีร์คิน นิโคเลา เจ้าของร้านก็เห็นด้วยว่ามาตรการนี้มีความจำเป็น

ช่วงที่รัฐอิลลินอยส์ประกาศมาตรการนี้เป็นช่วงเดียวกับที่มหานครนิวยอร์กมีตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นกว่า 2 เท่า และกำลังขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างหนัก

ซีร์คิน นิโคเลา ไม่อยากให้ชิคาโกต้องเจอเหตุการเดียวกับนิวยอร์ก เจ้าตัวจึงปิ๊งเดียเปลี่ยนเตาอบพิซซ่าเป็นที่ผลิตหน้ากากกันละอองฝอย (face shield) ทั้งๆ ที่คนทั่วไปอาจจะจินตนาการไม่ออกว่าร้านพิซซ่าจะผลิตอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อได้อย่างไร แต่ชายคนนี้ทำให้มันเป็นจริงได้

หลังจากปรึกษากับเพื่อนๆ ที่เป็นวิศวกรและหาซื้อแผ่นอะคริลิกมาได้แล้ว ซีร์คิน นิโคเลากับพนักงานในร้านก็เริ่มผลิตหน้ากากสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ทันที

เตาอบที่เคยอบแป้งพิซซ่าบัดนี้ถูกเปลี่ยนเป็นเตาให้ความร้อนแผ่นอะคริลิก เพื่อให้อะคริลิกอ่อนตัวและดัดงอเป็นรูปทรงได้ เมื่อได้รูปทรงที่ต้องการแล้วจึงนำแผ่นอะคริลิกมาติดกับแผ่นฟองน้ำและสายคาด

“มันแป็นขั้นตอนที่เร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นการควงแป้งพิซซ่าหรือดัดแผ่นอะคริลิกก็ใช้หลักการเดียวกัน” ซีร์คิน นิโคเลาเล่า

เจ้าของร้านพิซซ่าคาดว่าจะผลิตผลิตหน้ากากได้ราว 3,000 ชิ้นต่อสัปดาห์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเจ้าตัวเผยว่าไม่สามารถผลิตแบบแจกฟรีได้ แต่ได้ตั้งราคาไว้ที่ 3 เหรียญสหรัฐ หรือ 98 บาท เพื่อให้ยังสามารถจ่ายค่าจ้างให้พนักงานและผลิตหน้ากากให้เพียงพอเมื่อถึงวันที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในชิคาโกเพิ่มขึ้นได้

อย่างไรก็ดี การใช้อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อที่คนทั่วไปดัดแปลงทำเองอาจเป็นเรื่องยากสำหรับโรงพยาบาล เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้ต้องได้รับการอนุมัติจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐก่อนจึงจะรับได้

แต่สำหรับบุคลากรทางแพทย์ในนาทีที่ของขาดแคลนเช่นนี้ มีอุปกรณ์ DIY ใช้ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรป้องกันตัวเองเลย