ทำไมชาวเยอรมันจึงไม่หวั่นโควิด? แห่ชมดอกไม้บานแบบไร้หน้ากาก

ทุกๆ ปี ต้นเชอร์รี่ ซึ่งเป็นต้นไม้ชนิดเดียวกับซากุระจะออกดอกบานเต็มท้องถนนที่ถนน Heerstrasse ในนครบอนน์ทางตะวันตกของเยอรมนี และในปีนี้ก็เช่นกัน แม้จะเกิดวิกฤตโควิด-19 ชาวเยอรมนีก็ยังพากันออกมาชมดอกเชอร์รี่กันอย่างไม่เกรงกลัวอันตราย

จากภาพที่ถ่ายโดยสำนักข่าว AFP เมื่อวันที่ 5 เมษายน2563 จะเห็นชาวเยอรมันออกชมดอกไม้แบบใกล้ชิดโดยไม่มีหน้ากากอนามัยป้องกัน และจากภาพที่ถ่ายโดยสำนักข่าว Reuters จะยิ่งเห็นภาพว่าผู้คนแปลกหน้าเดินและนั่งชมดอกไม้กันใกล้ชิดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทำไมชาวเยอรมันจึงมั่นใจตัวเองขนาดนั้น?

สำนักข่าว New York Times รายงานว่า เยอรมนีมีผู้เสียชีวิต 1,584 คนอัตรา แต่การเสียชีวิตของเยอรมนีอยู่ที่ 1.4% เทียบกับ 12% ในอิตาลี ประมาณ 10% ในสเปนฝรั่งเศสและอังกฤษ; 4% ในประเทศจีน; และ 2.5% ในสหรัฐ แม้แต่เกาหลีใต้ซึ่งสามารถควบคุมการระบาดเอาไว้ได้ก็มีอัตราการเสียชีวิตที่สูงกว่าเยอรมนีที่ 1.7%

สาเหตุที่ทำให้อัตราการเสียชีวิตต่ำคือ ประเทศเยอรมนีตรวจประชาชนมากกว่าประเทศอื่นๆ นั่นหมายความว่าเยอรมนีจะตรวจพบผู้ติดเชื้อได้เป็นจำนวนมากขึ้นทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นมีอาการน้อยหรือไม่มีเลย ดังนั้นตัวเลขผู้ติดเชื้อจึงเพิ่มขึ้นแต่จำนวนผู้เสียชีวิตไม่เพิ่มขึ้น

แต่ยังมีปัจจัยทางการแพทย์ที่สำคัญที่ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตในเยอรมนีค่อนข้างต่ำ นักระบาดวิทยาและนักไวรัสวิทยากล่าวว่าสาเหตุหลักๆ คือการเตรียมพร้อมอุปกรณืการตรวจเชื้อ และจัดเตียงผู้ป่วยหนักแต่เนินๆ และความเชื่อมั่นในรัฐบาลเมื่อรัฐบาลมีแนวทางปฏิบัติให้ประชาชน ประชาขนก็ยอมปฏิบัติในวงกว้าง 

ในช่วงกลางเดือนมกราคมนานก่อนที่ชาวเยอรมันส่วนใหญ่จะเริ่มตระหนักถึงการระบาดของไวรัส โรงพยาบาล Charité ในกรุงเบอร์ลินได้พัฒนาอุปกรณ์การทดสอบโรคและโพสต์สูตรออนไลน์ไว้เพื่อแจกจ่ายคนอื่นๆ 

เมื่อถึงเวลาที่เยอรมนีพบการระบาดกรณีแรกในเดือนกุมภาพันธ์ ห้องปฏิบัติการทั่วประเทศได้สร้างชุดอุปกรณ์ทดสอบขึ้นและตระเตรียมไว้เป็นจำนวนมาก

“เหตุผลที่พวกเราในเยอรมนีมีผู้เสียชีวิตเพียงเล็กน้อยในขณะนี้ เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อ เรื่องนี้สามารถอธิบายได้โดยข้อเท็จจริงที่ว่าเรากำลังทำการวินิจฉัยในห้องปฏิบัติการจำนวนมาก” ดร. คริสเตียน ดอร์สเทน หัวหน้านักไวรัสวิทยาที่โรงพยาบาล Charité กล่าว 

ทั้งนี้ เมื่อผู้ติดเชื้อได้รับการวินิจฉัยเบื้องต้นและสามารถรักษได้เร็วโอกาสมีชีวิตรอดจะสูงขึ้นมาก ยกตัวอย่างเช่นจะตรวจได้ทันการว่าคนไหนที่มีแนวโน้มต้องใช้เครื่องช่วยหายใจก่อนที่อาการจะทรุดลง 

ก่อนที่จะมีการระบาดของโรคทั่วประเทศเยอรมนี โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยใน Giessen มีเตียงผู้ป่วยหนัก 173 เตียงพร้อมเครื่องช่วยหายใจ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาโรงพยาบาลพยายามขยายเตียงเพิ่มอีก 40 เตียงและเพิ่มพนักงานที่อยู่ในโหมดเตรียมพร้อมที่จะรับมือในแผนกผู้ป่วยหนักมากถึง 50%

“ตอนนี้เรามีศักยภาพสูงมาก เรากำลังรับผู้ป่วยจากอิตาลีสเปนและฝรั่งเศสด้วย” ซูซาน เฮโรลด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อในปอดที่โรงพยาบาลที่ดูแลการปรับโครงสร้างดังกล่าว “เราแข็งแกร่งมากในด้านการรองรับผู้ป่วยหนัก”