กลับตาลปัตร คนเม็กซิกันร้องปิดพรมแดน กันชาวสหรัฐเข้าประเทศ
สหรัฐติดเชื้อโควิดแล้วหลักแสนคน ส่วนเม็กซิโกติดเชื้อ 717 ราย
ประชาชนในรัฐโซโนราของเม็กซิโก ซึ่งมีพรมแดนติดกับรัฐแอริโซนา และนิวเม็กซิโกของสหรัฐ ประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นสั่งปิดพรมแดนเพื่อกันพลเมืองอเมริกันเดินทางเข้าผ่านแดน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
รายงานระบุว่าตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมาชาวบ้านในรัฐโซโนรา ต่างออกมาปิดกั้นการจราจรบริเวณเส้นทางผ่านแดนระหว่างเม็กซิโก-สหรัฐ เนื่องจากกลัวว่าชาวอเมริกันที่ติดเชื้อจะเดินทางเข้ามาในประเทศ
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นโดยกลุ่มที่เรียกตนเองว่า Sonorans for Health and Life ซึ่งออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจคัดกรองเชื้อคนอเมริกันทุกคนที่ข้ามแดนมายังเม็กซิโก Jose Luis Hernandez หนึ่งในสมาชิกกลุ่มที่ปิดกั้นพรมแดนเผยกับสื่อในท้องถิ่นแอริโซนาว่า รัฐบาลไม่มีการตรวจคัดกรองโรคต่อคนที่ผ่านข้ามแดนเข้ามา นั้นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาต้องออกมาเคลื่อนไหวดังกล่าวเพื่อปกป้องชุมชุนจากโรคระบาด
สำหรับสหรัฐได้กลายมาเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อมากถึง 104,837 ราย ส่วนเม็กซิโก พบผู้ติดเชื้อแล้ว 717 ราย เสียชีวิต 12 คน
ส่วนรัฐแอริโซนาของสหรัฐพบติดเชื้ออย่างน้อย 400 คน ขณะที่รัฐโซโนราของเม็กซิโกพบผู้ติดเชื้อไม่ถึง 10 คน
เรื่องนี้นับเป็นสิ่งที่กลับตาลปัตรอย่างมากสำหรับประเด็นพรมแดนเม็กซิโก-สหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลทรัมป์ต้องการสร้างกำแพงเพื่อป้องกันคนเม็กซิกันเข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย แต่กลายเป็นคนเม็กซิกันต้องการให้ปิดพรมแดนกันคนสหรัฐเข้าประเทศแทน
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดี Andrés Manuel López Obrador ของเม็กซิโก กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณะถึงความล่าช้าในมาตรการรับมือวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่นกัน
แฟ้มภาพ AFP