posttoday

เยอะสุดในยุโรป! อิตาลีเจอโควิด 229 ราย นายกฯรับโรงพยาบาลท้องถิ่นบกพร่องรับมือ

25 กุมภาพันธ์ 2563

เศรษกิจอิตาลีส่อพังหนัก หลังโคโรนาระบาดทั่วภาคเหนือ รัฐบาลโรมจ่อกระชับอำนาจท้องถิ่น หวั่นกระจายเชื้อทั่วยุโรป

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในอิตาลีจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ก.พ.พบว่า มีผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 229 ราย จำนวนนี้เป็นส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อในหลายแคว้นทั่วแถบภาคเหนือของประเทศ ดังนี้ ..

แคว้นลอมบาร์ดี 172 , แคว้นเวนีโต 33, แคว้นปีเอมอน 3 ,แคว้นเอมีเลีย-โรมานยา 18 และภูมิภาคลาซิโอ (กรุงโรม) 3 ราย

ที่แคว้นลอมบาร์ดี้ ซึ่งมีเมืองมิลานเป็นศูนย์กลางของภาคเหนือ รัฐบาลท้องถิ่นได้สั่งระงับใช้พื้นที่สาธารณะไปแล้วใน 11 เมือง กระทบประชาชนอย่างน้อย 50,000 คน

ด้านกระทรวงสาธารณสุขอิตาลีได้ตรวจคัดกรองเชื้อประชาชนและบุคคลากรทางการแพทย์กว่า 4,100 คน ซึ่่งคาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก

ด้านนายกรัฐมนตรีอิตาลี จูเซปเป้ คอนติ ให้สัมภาษณ์ว่า ความหย่อนยานบกพร่องในมาตรการรับมือการระบาดของไวรัสตามโรงพยาบาลท้องถิ่น เป็นเหตุให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายในอิตาลีอย่างต่อเนื่อง

เรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นความแตกร้าวระหว่างรัฐบาลอิตาลี กับรัฐบาลท้องถิ่นลอมบาร์ดี พรรค lega nord อดีตพรรคร่วมรัฐบาล ที่ประกาศแยกตัวจากรัฐบาลเมื่อปีก่อน

นายกคอนติของอิตาลีให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลโรมอาจพิจารณาใช้อำนาจพิเศษ แทรกแซงการดำเนินการควบคุมการระบาดของรัฐบาลท้องถิ่นลอมบาร์ดี แต่ยังคงไม่ชัดเจนว่าจะเป็นไปในรูปแบบใด

การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วแถบภาคเหนือของอิตาลี นับว่าเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจของอิตาลีในปีนี้อย่างมาก โดยช่วงก่อนที่จะพบการระบาด หลายฝ่ายคาดว่า GDP ของอิตาลีอาจโตไม่ถึง 1-1.5 ในปีนี้ แต่เมื่อพบการระบาดที่ยังไม่สามารถควบคุมได้  โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม ตลาดหุ้น และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ  การประเมินเศรษฐกิจอิตาลีซึ่งได้ขยับมาเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่เบอร์ 3 ของอียู หลังเบร็กซิต ก็ยากจะคาดเดา

ขณะที่มาตรการฟรีวีซ่าเช็งเก้นของกลุ่มสหภาพยุโรป ก็อาจยิ่งทำให้สถานการณ์ระบาดของอิตาลีขยายวงกว้างไปทั่วยุโรปได้เช่นกัน 

นอกจากประเด็นไวรัสที่กระทบต่อเศรษฐกิจของอิตาลีแล้ว ประเด็นการเมืองในสหภาพยุโรปก็เปราะบางไม่แพ้ไวรัสเช่นกัน เนื่องจากการเบร็กซิตของอังกฤษ จะส่งผลให้ชาติสมาชิกอียูที่เหลืออยู่ ต้องแชร์กันแบ่งรับภาระงบประมาณในส่วนที่อังกฤษเคยจ่ายให้กับอียู ซึ่งเรื่องดังกล่าว มีหลายประเทศที่ทั้งเห็นด้วย และคัดค้าน