posttoday

ชัยชนะของ"บอริส"จะส่งผลต่อ"เบร็กซิต"อย่างไร

13 ธันวาคม 2562

ชัยชนะของพรรคอนุรักษ์นิยมจะทำให้บอริส จอห์นสัน "GETTING BREXIT DONE" ตามที่หาเสียงไว้ได้หรือไม่

ชัยชนะของพรรคอนุรักษ์นิยมจะทำให้บอริส จอห์นสัน "GETTING BREXIT DONE" ตามที่หาเสียงไว้ได้หรือไม่

ชัดเจนแล้วว่าผลการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา พรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน ได้รับเสียงข้างมากในสภาสามัญ เอาชนะพรรคคู่แข่งอย่างพรรคแรงงานของนายเจเรมี่ คอร์บิน ไปได้อย่างถล่มทลายแบบแลนด์สไลด์

แม้ว่าผลการนับคะแนนอย่างเป็นทาง แต่จากการนับคะแนนจนถึงขณะนี้พบว่าพรรคอนุรักษ์นิยมสามารถครองเสียงข้างมากที่ 364 ที่นั่ง โดยได้เสียงเพิ่มขึ้น 47 เสียง จากคะแนนเสียงครึ่งหนึ่งของสภาที่ 326 เสียง

ชัยชนะของพรรคอนุรักษ์นิยมครั้งนี้ นับว่าเป็นการได้รับฉันทามติครั้งสำคัญจากประชาชนชาวอังกฤษ เพื่อให้รัฐบาลนายบอริสผลักดันประเด็นเบร็กซิตได้บรรลุผลได้เสียที ตามแคมเปญที่นายบอริสใช้ในการหาเสียงว่า "GETTING BREXIT DONE"

บอริส จอห์นสัน ให้คำมั่นว่าหากชนะการเลือกตั้ง รัฐบาลชุดใหม่ของเขาจะผลักดันให้อังกฤษสามารถบรรลุข้อตกลงเบร็กซิตกับสหภาพยุโรปได้ในที่สุดภายในวัน 31 มกราคม 2020

ชัยชนะของ"บอริส"จะส่งผลต่อ"เบร็กซิต"อย่างไร

ขั้นตอนต่อไปคือ?

ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้พรรคอนุรักษ์นิยมครองเสียงข้างมากในสภา นั่นหมายความว่า มีโอกาสสูงที่ร่างเบร็กซิตของรัฐบาลบอริส 2 จะได้รับความเห็นชอบจากสภา ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสมัยนายกเทเรซ่า เมย์ และสมัยนายบอริส สภาอังกฤษยังไม่เคยลงมติผ่านความเห็นชอบร่างเบร็กซิตมาก่อน

วันที่ 17 ธันวาคม ครม.บอริส2 และสมาชิกสภาสามัญชุดใหม่จะเข้าสู่สภาเป็นวันแรก ซึ่งประเด็นเร่งด่วนที่ต้องหารือคงหนีไม่พ้นเรื่องเบร็กซิต

วันที่ 19 ธันวาคม สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง จะเสด็จเปิดประชุมสภาโดยเป็นไปในรูปแบบพิธีการง่ายๆ

กระบวนการตลอดทั้งเดือนธันวาคม จนถึงมกราคมปีหน้า สภาสามัญและสภาขุนนางจะต้องหารือและผ่านร่างญัตติเบร็กซิตให้เสร็จก่อนวันที่ 31 มกราคม ซึ่งหากทั้งกระบวนการนี้เป็นไปตามขั้นตอน นั่นหมายความว่าวันที่ 31 มกราคมคือ Brexit Day

 

ชัยชนะของ"บอริส"จะส่งผลต่อ"เบร็กซิต"อย่างไร

31 มกราคม 2020 Brexit Day เป็นไปได้แค่ไหน

กรอบเวลาราวๆ 2 เดือนค่อนข้างเป็นระยะเวลาที่กระชั้นชิดภายใต้กระบวนการที่ซับซ้อน

ประการแรก สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังวันที่ 31 มกราคมคือ อังกฤษต้องเจรจาการค้าและข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรป เพื่อให้สหราชอาณาจักรเข้าถึงสินค้าของอียูให้ได้มากที่สุด กระบวนการนี้ต้องจัดทำให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน

แต่หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับอียูได้ในเดือนมิถุนายน สามารถยืดระยะเวลาได้ถึงเดือนธันวาคม 2020

ที่ผ่านมาพรรคอนุรักษ์นิยมมีจุดยืนที่ชัดเจนต่อกระบวนการเบร็กซิต รวมถึงการออกจากสหภาพศุลกากรอียู ระบบตลาดเดียวของอียู รวมถึงขอบเขตอำนาจศาลยุติธรรมอียู

ถึงตอนนี้ หากทั้งอังกฤษและอียูเห็นชอบข้อตกลงการค้าได้ อังกฤษกับอียู จะเริ่มต้นความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ในเดือนมกราคมปี 2021 แต่หากไม่ อังกฤษจะต้องออกจากอียูในรูปแบบโนเทรดดีล

ที่บอกว่ากระบวนการทั้งหมดนี้เป็นกรอบเวลาที่กระชั้นชิดนั้น เนื่องจากว่าหากเทียบกับกรณีเทรดดีลระหว่างอียู กับแคนาดานั้น ทั้งสองใช้เวลาในการเจรจาข้อตกลงนานถึง 7 ปี กว่าจะสำเร็จลงนามข้อตกลงการค้าร่วมกันได้

กรณีของอังกฤษกับอียู อาจซับซ้อน(หรืออาจง่าย)กว่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นเวลาหลายทศวรรษทั้งอังกฤษและอียูที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างกันอย่างใกล้ชิด

แรงงานสัญชาติอียูในอังกฤษจะยังคงสามารถทำงานในอังกฤษต่อไปได้หรือไม่ บริษัทสัญชาติอียูที่จดทะเบียนในอังกฤษจะยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปได้หรือไม่ การขนย้ายสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างอังกฤษกับไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นพรมแดนของชาติอียูเพียงประเทศเดียวที่ติดกับไอร์แลนด์เหนือของอังกฤษจะเป็นอย่างไร

และอีกหลายต่อหลายประเด็นซึ่งทั้งหมดนี้คือคำถามที่รัฐบาลบอริส กับคณะบริหารอียูชุดใหม่ภายใต้การนำของนางเออร์ซูลา ฟอน เดอ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และนายชาร์ล มีแชล ประธานคณะมนตรียุโรป ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องร่วมกันหาคำตอบ