posttoday

ใครเป็นใครในการเลือกตั้งชี้ชะตาผ่าทางตันเบร็กซิต

11 ธันวาคม 2562

ประเด็นที่ต้องจับตามองในเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ 12 ธ.ค. ที่หลายฝ่ายหวังว่าจะสามารถผ่าทางตันอันยืดเยื้อของเบร็กซิตได้ แต่ผลลัพธ์อาจไม่เป็นเช่นนั้น

ประเด็นที่ต้องจับตามองในเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ 12 ธ.ค. ที่หลายฝ่ายหวังว่าจะสามารถผ่าทางตันอันยืดเยื้อของเบร็กซิตได้ แต่ผลลัพธ์อาจไม่เป็นเช่นนั้น

วันที่ 12 ธันวาคมตั้งแต่เวลา 07.00 น. จนถึง 22.00 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนนิชของอังกฤษจะเป็นเวลาเปิดทำการของหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งจะให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในอังกฤษราว 45.7 ล้านคน ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ที่หลายฝ่าย โดยเฉพาะพรรคอนุรักษ์นิยมที่มีนายบอริส จอห์นสัน เป็นนายกรัฐมนตรี หวังว่าจะสามารถโกยคะแนนเสียงในสภาสามัญเพื่อผ่าทางตันปัญหาเบร็กซิตได้ในที่สุด

การเลือกตั้งทั่วไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ จะนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 96 ปี ที่อังกฤษมีการจัดการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม โดยครั้งล่าสุดที่มีการจัดเลือกตั้งทั่วไปในเดือนนี้คือปี 1923

 

ใครเป็นใครในการเลือกตั้งชี้ชะตาผ่าทางตันเบร็กซิต

จอห์นสัน VS คอร์บิน VS สวินสัน

สองพรรคใหญ่ที่ต้องจับตามองคือพรรคอนุรักษ์นิยม นำโดยนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน และพรรคแรงงาน ซึ่งนำทีมโดยนายเจเรมี่ คอร์บิน หัวหน้าพรรค และผู้นําฝ่ายค้าน

ทั้งสองพรรคหาเสียงพร้อมเสนอทางออกที่แตกต่างกันสิ้นเชิงของการผ่าทางตันเบร็กซิต

หากพรรคอนุรักษ์นิยมชนะ รัฐบาลจอห์นสันมีความมุ่งหมายในการบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรปเกี่ยวกับเบร็กซิตสำเร็จให้ได้ภายในเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งรวมถึงข้อตกลงต่างๆร่วมกับอียูโดยเฉพาะประเด็นด้านนโยบายตรวจคนเข้าเมืองของแรงงานสัญชาติอียู และการขนส่งนำเข้าสินค้าระหว่างกัน

แต่หากเจเรมี่ คอร์บิน แห่งพรรคแรงงานชนะเสียงข้างมาก เขาต้องการเปิดเจรจาข้อตกลงกับสหภาพยุโรปรอบใหม่เพื่อหาข้อตกลงแบบ Soft-Brexit กับอียูให้ได้มากที่สุด ซึ่งอาจรวมไปถึงทางเลือกในการจัดลงประชามติเบร็กซิตรอบสองด้วย

ใครเป็นใครในการเลือกตั้งชี้ชะตาผ่าทางตันเบร็กซิต เจเรมี่ คอร์บิน ผู้นำพรรคแรงงาน

ก่อนหน้านี้พรรคอนุรักษ์นิยมมีคะแนน 298 เสียง บวกกับอิสระอีก 44 เสียงเป็น 342 เสียง ส่วนพรรคแรงงานและพรรคร่วมฝ่ายค้านได้คะแนนเสียงรวม 308 เสียง จากที่นั่งในสภาสามัญที่หมด 650 เสียง

นอกจากสองพรรคใหญ่ทั้งอนุรักษ์นิยมแล้ว ผู้ลงคะแนนชาวอังกฤษยังมีพรรคทางเลือกที่สามคือ Liberal Democrats ที่มีแกนนำโดยนางโจ สวินสัน ได้เสนอทางออกเบร็กซิตด้วยการยกเลิกการใช้บทบัญญัติที่ 50 และยกเลิกกระบวนการเบร็กซิตทั้งหมดโดยทันที ประหนึ่งว่าไม่เคยเกิดเหตุการณ์เบร็กซิตมาก่อน

 

ใครเป็นใครในการเลือกตั้งชี้ชะตาผ่าทางตันเบร็กซิต นางโจ สวินสัน ผู้นำพรรคริเบอรัล

 

แต่ถ้าหากไม่มีพรรคใดชนะเสียงข้างมากจะเป็นอย่างไร?

นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการยากที่พรรคอนุรักษ์นิยม และนายบอริส สามารถกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาได้ แต่หากทั้งสามพรรคไม่มีใครชนะเลือกตั้งเสียงข้างมากได้ รัฐบาลอังกฤษชุดต่อไปอาจต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ตั้งขึ้นด้วยการรวมคะแนนเสียงจากพรรคเล็กพรรคน้อย ซึ่งอาจทำให้สถานะของสภาสามัญกลายเป็น"สภาแขวน" ไม่ต่างจากก่อนหน้าการเลือกตั้ง

ปัญหาก็คือพรรคใหญ่ๆในสภาประกาศชัดเจนว่าไม่หนุนแผนเบร็กซิตของบอริส อาทิพรรค Liberal Democrats ประกาศชัดไม่สนับสนุนบอริส จอห์นสันกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยแน่นอน

ส่วนพรรคชาตินิยมสกอตของนางนิโกลา สเตอร์เจียน มุขมนตรีแห่งสกอตตแลนด์ ประกาศชัดเจนว่าจะให้การสนับสนุนพรรคแรงงานของนายคอร์บิน

ใครเป็นใครในการเลือกตั้งชี้ชะตาผ่าทางตันเบร็กซิต

 

อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งครั้งนี้มีปัจจัยตัวแปรหลายอย่างที่อาจกระทบต่อผลการเลือกตั้ง เช่น ผู้ลงคะแนนในบางเขตเลือกตั้งใหญ่ๆ ซึ่งเคยสนับสนุนพรรคอนุรักษ์นิยม แต่เปลี่ยนไปสนับสนุนพรรคฝ่ายตรงข้าม หรือแม้แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้าเลือกตั้ง พบว่ามีคนหนุ่มสาวช่วงอายุไม่เกิน 35 ปี ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งเพิ่มขึ้นถึงกว่า 3 ล้านคน และมีแนวโน้มไม่ลงคะแนนให้พรรคอนุรักษ์นิยมด้วย ไปจนถึงปัจจัยด้านสภาพอากาศที่สำนักพยากรณ์อากาศอังกฤษรายงานว่า บางพื้นที่จะเผชิญอากาศเย็นจัด ลมแรง ไปจนถึงหิมะตก ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการออกไปลงคะแนนใช้สิทธิเลือกตั้ง

นอกจากนี้หลายฝ่ายมองว่า คำมั่นของนายจอห์นสันที่บอกว่ารัฐบาลพรรคอนุรักษ์นิยมจะต้องหาทางบรรลุทางตันเบร็กซิตให้ได้ภายในปีหน้านั้น ยังเป็นการยากและยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากยังมีหลายประเด็นที่อังกฤษต้องใช้เวลาเจรากับอียู ทั้งในประเด็นแรงงานสัญชาติอียูในอังกฤษ การขนส่งข้ามพรมแดนกับไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศเดียวในอียูที่มีพรมแดนติดกับอังกฤษ การขนส่งสินค้าอียูผ่านท่าเรืออังกฤษ และการเดินทางระหว่างกันทั้งทางราง ทางอากาศ และทางเรือ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาที่ในการเจรจารวมถึงการหามาตรการรองรับกับคณะบริหารชุดใหม่ของอียู