posttoday

สหรัฐตัดGSPไทยเท่ากับทำร้ายตัวเอง ทำให้จีนได้เปรียบ

28 ตุลาคม 2562

จากการสำรวจความเห็นพบว่ามีบริษัทอมริกันถึง 30% ที่คิดจะพึ่งจีน หากรัฐบาลตัดสิทธิกลุ่มประเทศ GSP


ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2019 หลังจากที่สหรัฐเตรียมที่จะตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรสินค้า (GSP) กับอินเดีย ซึ่งลงมือทำจริงในเดือนมิถุนายน กลุ่มธุรกิจชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า The Coalition for GSP ในกรุงวอชิงตัน ซึ่งส่งเสริมการทำ GSP เพื่อประโยชน์ของสหรัฐและประเทศคู่ค้า เปิดเผยรายงานว่า จากตัวเลขทางการค้าของสหรัฐในเวลานั้น (ก่อนเดือนพฤษภาคม 2019) พบว่า ระบบ GSP ช่วยทำให้บริษัทสัญชาติอเมริกันออมเงินเพิ่มขึ้น 105 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งเดิมอยู่ที่เพียง 28 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นอัตราสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 2 เท่าที่มีการเก็บสถิติกันมา

ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2019 ระบบ GSP ช่วยให้บริษัทอเมริกันออมเงินได้เพิ่มมากขึ้น 285 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่าช่วงไตรมาสแรกของปี 2018 ถึง 63 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีมา

หลังจากที่สหรัฐเริ่มทำสงครามการค้ากับจีนแล้ว มีการนำเข้าจากประเทศ GSP มากขึ้น ส่วนการนำเข้าจากจีนลดลง โดยเฉพาะสินค้าจีนประเภทที่เข้าข่ายถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นถึง 90%

ทางกลุ่มชี้ว่า การยกเลิก GSP ของอินเดีย ตุรกี และประเทศอื่นๆ ที่ในขณะอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ คือไทย และอินโดนีเซีย (ซึ่งปรากฎว่าไทยถูกถอด) จะทำให้บริษัทและคนงานชาวอเมริกันจำนวนมากที่พึ่งพา GSP มาหลายปีจะต้องประสบปัญหา เพราะไม่มีแหล่งวัตถุดิบแทนที่หลังจากไม่สามารถนำเข้าจากจีนได้ การตัด GSP จึงเท่ากับเป็นการบั่นทอนวัตถุประสงค์ดั้งเดิมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นั่นคือการลดการนำเข้าจากจีน เพื่อกระตุ้นภาคธุรกิจของสหรัฐ

แต่แทนที่สหรัฐจะหันไปพึ่งตลาดที่ถูกกว่า คือตลาดประเทศ GSP สหรัฐกลับหันมาเล่นงานประเทศเหล่านี้ด้วย ทำให้ส่งผลกระทบต่อตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ The Coalition for GSP ยังเตือนว่า บริษัทอเมริกันจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับไปพึ่งพาแหล่งวัตถุดิบจากจีนอีก จากการสำรวจความเห็นพบว่ามีบริษัทอเมริกันถึง 30% ที่คิดจะพึ่งจีน หากรัฐบาลตัดสิทธิกลุ่มประเทศ GSP