posttoday

ผีคอมมิวนิสต์ของบิ๊กแดง

13 ตุลาคม 2562

สิ่งที่เรียกว่าผีคอมมิวนิสต์นั้น มาจากประโยคแรกในคำประกาศคอมมิวนิสต์ และแค่คำประกาศก็ชัดเจนในตัวมันเองแล้วว่าศัตรูคือศาสนาและราชาธิปัตย์

บทวิเคราะห์โดยกรกิจ ดิษฐาน 

วันที่ "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ขึ้นเวทีบรรยายพิเศษ “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” มีคำๆ หนึ่งที่ถูกเอ่ยถึงบ่อยจนน่าคิด คือคำว่า "คอมมิวนิสต์"

ตอนหนึ่งพล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า "แต่วันนี้ก็ยังมีพวกหัวเดิมๆ กลับออกมาเป็นนักการเมือง มาเป็นนักวิชาการ และยังฝังชิปสมองในเรื่องของการเป็นคอมมิวนิสต์อยู่" และย้ำอีกครั้งว่า "ในปี 2531 พรรคคอมมิวนิสต์ถึงยอมวางอาวุธ และถือว่าสิ้นฤทธิ์คอมมิวนิสต์ แต่ก็อย่าลืมว่ายังเหลือคนบางคน"

เราไม่อาจทราบได้ว่า พล.อ.อภิรัชต์หมายถึงใคร แต่เราทราบได้ว่ากองทัพ (หรืออย่างน้อยหัวหอกในกองทัพ) ยังเชื่อว่ามีผู้ฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์ทำการเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่

ว่ากันตามตัวบทกฎหมายแล้ว การเป็นคอมมิวนิสต์ในเมืองไทยไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายอีกต่อไป นับตั้งแต่พ.ศ. 2543 เมื่อรัฐบาลชวน หลีกภัยได้ประกาศใช้ "พ.ร.บ. ยกเลิกพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495" นับแต่นั้นการเป็นคอมมิวนิสต์ไม่เป็นความผิดในประเทศไทยอีกต่อไป

แต่วันนี้ บิ๊กแดงพูดถึงคอมมิวนิสต์อีกครั้ง และย้ำว่ายัง "ยังเหลือคนบางคน" ที่ "ยังฝังชิปสมองในเรื่องของการเป็นคอมมิวนิสต์"

ถามว่าในเมื่อการเป็นคอมมิวนิสต์ไม่ผิดกฎหมายแล้ว แม่ทัพใหญ่จะกังวลอะไร?

ผู้เขียนเข้าใจว่าสิ่งที่พล.อ.อภิรัชต์ อาจต้องการจะเชื่อมโยงผู้ที่ยังเชื่อลัทธิคอมมิวนิสต์กับแนวคิดการล้มล้างการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

คำถามก็คือเป็นคอมมิวนิสต์แล้วต้องเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหรือไม่?

ในทางทฤษฎีแล้วคอมมิวนิสต์ทุกสาย ทั้งมาร์ซิสต์ เลนินนิสต์ และเหมาอิสต์ มีเป้าหมายสูงสุดที่การโค่นล้มระบอบศักดินาแล้ววิวัฒนาการไปสู่การปกครองที่ไร้ชนชั้น ผู้คนเท่าเทียมกัน ระบบเศรษฐกิจที่ทุกคนได้อย่างที่ลงแรงทำ ไม่มีการขูดรีดหรือฉกฉวยเอากำไรส่วนเกินไปโดยนายทุนและเจ้าที่ดิน

แต่ในทางปฏิบัติคอมมิวนิสต์ไม่สามารถทำให้การปฏิบัติสมบูรณ์แบบอย่างนั้นเกิดขึ้นได้ เราเห็นแล้วว่าสหภาพโซเวียตต้องฆ่าศัตรูแห่งการปฏิวัติไปถึง 1.2 ล้านคนในยุคสตาลินแต่แล้วมันก็ล่มสลายในที่สุด และจีนที่ต้องเปลี่ยนมาเป็นนายทุนเกือบจะเต็มตัว ก็เพราะระบบเศรษฐกิจแบบคอมนูนทำคนตายไปเกือบ 30 ล้านคนในยุคของเหมาเจ๋อตง

ปัจจุบันพรรคคอมมิวนิสต์ก็ยังอยู่ดีและมีที่ทางทางการเมืองในหลายประเทศ แม้แต่ประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เช่น สเปน (พรรค PCE) เบลเยี่ยม (พรรค PCB และ PVDA) ญี่ปุ่น (พรรค JCP)

แน่นอนว่า พรรคสายคอมมิวนิสต์เหล่านี้ต้องการโค่นล้มสถาบันกษัตริย์ เพราะเป้าหมายสูงสุดของการปฏิวัติของสังคมที่เท่าเทียมกันปราศจากอภิสิทธิ์ชน ตามทฤษฎีของเลนินการจะโค่นล้มสถาบันลงได้จะต้องใช้กำลัง "ปฏิวัติโค่นล้มสังคมแบบเก่า" แต่ในโลกปัจจุบันไม่มีใครต้องการเรื่องแบบนั้นอีก (เช่นในสเปนเคยมีแนวคิดสงครามประชาชน แต่ละทิ้งอุดมการณ์นี้ในปลายทศวรรษที่ 1990) พรรค "สายแดง" จึงต้องใช้กระบวนการประชาธิปไตย คือมติมหาชน เช่น การลงประชามติ

กรณีแบบนี้เคยเกิดขึ้นที่เบลเยี่ยมเมื่อครั้งเกิดปัญหาเรื่องสถาบันกษัตริย์ (Royal Question) ที่กินเวลาระหว่างปี 1945 - 1951 เนื่องจากสังคมตั้งคำถามต่อสมเด็จพระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 3 ถึงบทบาทของพระองค์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายคอมมิวนิสต์ไม่ต้องการให้พระองค์กลับมา แต่ปรารถนาจะเปลี่ยนประเทศเป็นระบบสาธารณรัฐ ทำให้เกิดวิกฤตการเมืองขึ้น และแก้ปัญหาด้วยการลงประชามติ ปรากฎว่าเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้กษัตริย์กลับมาเป็นประมุขอีกครั้ง

ในช่วงหลังสงครามใหม่ๆ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเบลเยียมมีคะแนนเสียงเพิ่มขึ้นมาก แต่คะแนนเสียงที่ได้ลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหลังวิกฤตในปี 1954 ได้รับคะแนนเสียงเพียง 3.57% และไม่เคยกลับมามีอิทธิพลอีก จะเห็นได้ว่ากระบวนการประชาธิปไตยมีส่วนสำคัญมากในการค้ำชูสถาบันหลัก

เช่นเดียวกันพรรคคอมมิวนิสต์แห่งญี่ปุ่น แต่ไรมาไม่เห็นด้วยที่จะให้จักรพรรดิเป็นพระประมุข แต่ใน 2004 เปลี่ยนท่าทีมายอมรับจักรพรรดิในฐานะประมุขแห่งรัฐของญี่ปุ่น ตราบเท่าที่พระองค์ทรงดำรงสถานะพระประมุขโดยมิได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และแม้พรรคสนับสนุนการจัดตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตย แต่ระบอบกษัตริย์จะสถาพรต่อไปหรือไม่และควรจะเปลี่ยนเป็นระบบสาธารณรัฐหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนส่วนใหญ่ในเวลาอันเหมาะสมในอนาคต

ย้อนกลับไปในยุคที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ยังคงเคลื่อนไหว พคท. พยายามหลีกเลี่ยงที่จะวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ เพราะทราบดีว่าสถาบันมีความสำคัญต่อคนไทยเพียงใด สำคัญมากขนาดที่แตะต้องไม่ได้แม้แต่ พคท. ก็เองก็ยังมักเลี่ยงไปใช้คำว่า "ศักดินา"

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีแนวคิดนั้น เพราะอย่างที่กล่าวไปว่าทั้งในทางทฤษฎีและการปฏิบัติ ผู้ที่มีแนวคิดคอมมิวนิสต์ย่อมเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบราชาธิปไตย สิ่งทีเกิดขึ้นในสเปนนั้นเป็นเพียงการรอมชอมทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์ เพื่อรอโอกาสที่มติมหาชนจะเข้าข้างพวกเขา ในยุคที่ไม่ใช่ใครสนับสนุนการปฏิวัติด้วยสงครามประชาชนอีก เพราะเห็นถึงความฉิบหายวายวอดที่เกิดขึ้นในสหภาพโซเวียตและจีนยุคก่อตั้งประเทศใหม่

สิ่งที่เรียกว่า "ผีคอมมิวนิสต์" นั้นมาจากประโยคแรกในคำประกาศคอมมิวนิสต์ (The Communist Manifesto) ของมาร์กซ์กับเองเกิล ที่กล่าวว่า "มีผีตนหนึ่งกำลังหลอกหลอนยุโรป มันคือผีคอมมิวนิสต์ อำนาจทั้งหลายของยุโรปเก่าได้ผนึกเป็นพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์เพื่อกำราบผีตนนี้ คือพระสันตะปาปาและพระเจ้าซาร์"

แค่นำประกาศก็ชัดเจนในตัวมันเองแล้วว่าศัตรูของคอมมิวนิสต์คือศาสนจักรและองค์ราชาธิปัตย์

แล้วผีคอมมิวนิสต์ของบิ๊กแดงยังอยู่ดีหรือไม่? คำถามนี้คงต้องไปหาคำตอบเอาจากผู้ที่มีแนวคิดคอมมิวนิสต์ในปัจจุบัน


โปรดติดตามตอนต่อไป