posttoday

นักวิทย์ห่วงไฟป่าไซบีเรียทำโลกร้อนหนักกว่าเดิม

09 สิงหาคม 2562

นับตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แถบอาร์กติก หรือขั้วโลกเหนือเผชิญกับไฟป่าครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์นับร้อยๆ จุด เปลวไฟที่เผาผลาญป่าในกรีนแลนด์ อะแลสกา และไซบีเรียก่อให้เกิดควันไฟกลุ่มใหญ่จนสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ

นับตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แถบอาร์กติก หรือขั้วโลกเหนือเผชิญกับไฟป่าครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์นับร้อยๆ จุด เปลวไฟที่เผาผลาญป่าในกรีนแลนด์ อะแลสกา และไซบีเรียก่อให้เกิดควันไฟกลุ่มใหญ่จนสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ

เขตไซบีเรียของรัสเซียได้รับผลกระทบหนักที่สุด พื้นที่ป่ากว่า 20 ล้านไร่ หรือมากกว่าพื้นที่ของเบลเยียมทั้งประเทศ ถูกไฟป่าเผาทำลายวอด และจนถึงขณะนี้ทางการรัสเซียยังไม่สามารถควบคุมไฟป่าครั้งประวัติศาสตร์นี้ แม้จะมีการระดมทั้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกำลังทหารลงพื้นที่แล้วก็ตาม เนื่องจากบางพื้นที่อยู่ห่างไกลเข้าถึงได้ยาก บางพื้นที่ถึงกับต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะที่เจ้าหน้าที่ประกาศว่าจะไม่ดับไฟในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย เนื่องจากไม่ใช่ภัยคุกคามประชาชนโดยตรง

นักวิทย์ห่วงไฟป่าไซบีเรียทำโลกร้อนหนักกว่าเดิม ภาพถ่ายจากชั้นบรรยากาศโลกขององค์การนาซาของสหรัฐ เผยให้เห็นจุดความร้อนและควันไฟจากไฟป่าอาร์กติกที่ปกคลุมรัฐอะแลสกาของสหรัฐและประเทศแคนาดาเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา Photo by HO / NASA/NOAA / AFP

ทั้งนี้ แม้อาร์กติกจะมีไฟป่าเกิดขึ้นเป็นปกติในช่วงเวลาดังกล่าว ทว่าอุณหภูมิที่สูงเป็นประวัติการณ์ในฤดูร้อนของปีนี้ (องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกระบุว่าอุณหภูมิในไซบีเรียอุ่นขึ้นเกือบ 10 องศาเซลเซียส) บวกกับกระแสลมแรง และอากาศที่แห้งผิดปกติ ยิ่งทำให้ไฟป่าในปีนี้โหมรุนแรงยิ่งขึ้นในระดับที่นักวิทยาศาตร์และผู้เชี่ยวชาญยกให้เป็นไฟป่าที่รุนแรงที่สุดในรอบ 16 ปีนับตั้งแต่มีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมติดตามสถานการณ์

นอกจากนี้ ไฟป่าที่คาดว่าเกิดจากฟ้าผ่ายังลุกลามไปยังป่าพรุที่ทำให้ควบคุมไฟได้ยาก เนื่องจากไฟจะลุกลามทั้งบนผิวดินและใต้ผิวดิน ทำให้หาขอบเขตของไฟได้ยากเพราะมีแต่ควันมหาศาลแต่แทบจะไม่มีเปลวไฟให้เห็น ในขณะที่ไฟจะค่อยๆ ลุกลามไปเรื่อยๆ และกินระยะเวลานานกว่าไฟบนพื้นดิน

นักวิทย์ห่วงไฟป่าไซบีเรียทำโลกร้อนหนักกว่าเดิม

กลุ่มกรีนพีซรัสเซียระบุว่า ไฟป่าครั้งนี้กลายเป็น “หายนะทางระบบนิเวศ” ที่ส่งผลกระทบกับคนทั้งประเทศ เพราะนอกจากจะเป็นการทำลายป่าซึ่งเป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว เขม่าและเถ้าถ่านที่เกิดจากไฟป่ายังเป็นตัวเร่งให้น้ำแข็งขั้วโลกเหนือและพื้นดินเยือกแข็ง (Permafrost) ละลายเร็วขึ้น เนื่องจากเถ้าถ่านจะดูดซับแสงอาทิตย์เคลืบผิวน้ำแข็งไม่ให้สะท้อนแสง เมื่อน้ำแข็งละลายก๊าซมีเธนที่ถูกกักเก็บไว้จะลอยสู่ชั้นบรรยากาศ กลายเป็นวงจรที่เร่งให้เกิดภาวะโลกร้อนเร็วขึ้น

นักวิทย์ห่วงไฟป่าไซบีเรียทำโลกร้อนหนักกว่าเดิม

ด้าน มาร์ก แพร์ริงตัน นักวิจัยจากศูนย์สังเกตการณ์ภูมิอากาศโคเปอร์นิคัสของยุโรป (CAMS) ที่ติดตามก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากไฟป่าครั้งนี้ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดไฟป่าเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศแล้วกว่า 100 ล้านเมตริกตัน หรือเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเบลเยียมในปี 2017 ทั้งปี