คนไทยลุ้นยูเนสโกรับรองแก่งกระจานเป็นมรดกโลก

ลุ้นยูเนสโกรับรองแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติลำดับที่ 3 ของไทยต่อจากทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้งและดงพญาเย็น-เขาใหญ่

ขณะนี้ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 43 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงบากูของอาเซอร์ไบจานกำลังพิจารณาว่าสถานที่ใดบ้างจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก โดยในปีนี้มีสถานที่ที่เสนอขอขึ้นทะเบียนจากประเทศต่างๆ ทั้งหมด 44 สถานที่ และมีการรับรองไปบ้างแล้ว อาทิ เมืองจัยปูร์ในรัฐราชสถานของอินเดีย สุสานโบราณโมซุ ฟุรุอิชิ โคฟุนกุน ของญี่ปุ่น

สุสานโบราณของญี่ปุ่น

ขณะที่พื้นที่ป่าแก่งกระจานของไทยมีการเลื่อนพิจารณาจากเมื่อวานเป็นวันนี้ เนื่องจากยังมีประเด็นปัญหาสถานะของชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยูในพื้นที่ ตามที่คณะกรรมการจากออสเตรเลียและนอร์เวย์แสดงความกังวลต่อที่ประชุม ขณะที่อินโดนีเซีย จีน บราซิล และคิวบาสนับสนุนคำร้องของไทย ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีสของฝรั่งเศสในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ชี้แจงว่าไทยพยายามปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิของชุมชนเพื่อยกระดับให้ทุกชุมชนมีความเท่าเทียมกัน รวมทั้งชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยงในป่าแก่งกระจานด้วย

ด้านความคืบหน้าการพิจารณานั้นที่ประชุมกำลังทยอยประกาศรับรองสถานที่ของประเทศสมาชิก คาดว่าช่วงค่ำนี้ตามเวลาท้องถิ่นของอาเซอร์ไบจานซึ่งช้ากว่าเวลาไทย 5 ชั่วโมงจะทราบผลว่าแก่งกระจานจะได้รับการรับรองเป็นมรดกโลกหรือไม่

ทั้งนี้ พื้นที่ป่าแก่งกระจานกินบริเวณพื้นที่ป่าใน จ.เพชรบุรี ราชบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ขึ้นทะเบียนอยู่ใน “บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List)” ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธุ 2554 ตามหลักเกณฑ์ที่ 10 คือ เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดสัตว์และพันธุ์พืชที่หายากหรือที่ตกอยู่ในสภาวะอันตราย แต่ยังคงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ซึ่งรวมถึงระบบนิเวศอันเป็นแหล่งรวมความอุดมสมบูรณ์ของพืชและสัตว์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจด้วย

ปัจจุบันยูเนสโกรับรองแหล่งมรดกโลกแล้วทั้งสิ้น 1,092 แห่งจาก 167 ประเทศทั่วโลก ส่วนประเทศไทยมีแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ 2 แห่ง ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ขึ้นทะเบียนเมื่อปี 2534 และอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่-ดงพญาเย็น ขึ้นทะเบียนเมื่อปี 2548