แบคทีเรียกินเนื้อคนภัยร้ายใกล้ตัว! แม้แต่นักการเมืองเอสโตเนียยังเคยเสียขาที่ไทยมาแล้ว
แบคทีเรียกินเนื้อคนอยู่ใกล้คนไทยกว่าที่คิด แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงจนเกินจะป้องกัน
แบคทีเรียกินเนื้อคนอยู่ใกล้คนไทยกว่าที่คิด แต่ก็ใช่ว่าจะป้องกันไม่ได้
ในขณะที่บ้านเรากำลังเจอพายุฝนกระหน่ำ ที่สหรัฐกำลังเอ็นจอยกับช่วงซัมเมอร์ที่ประจวบเหมาะกับเป็นสัปดาห์แห่งวันหยุดยาวพอดี ชาวอเมริกันส่วนใหญ่จึงพากันไปพักผ่อนเล่นน้ำตามชายหาดทั่วประเทศ แต่แล้วฝันร้ายในวันหยุดก็เกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียกินเนื้อคน (Necrotizing fasciitis) ที่อันตรายถึงชีวิตกลับมาระบาดอีกครั้ง จนผู้คนตื่นตระหนกไม่กล้าลงเล่นน้ำ
เพียงแค่สัปดาห์ที่แล้วก็มีหญิงวัย 77 เสียชีวิตจากการถูกแบคทีเรียตัวร้ายนี้เล่นงานหลังเธอสะดุดล้มในน้ำทะเลที่ฟลอริดาแล้วมีบาดแผลประมาณ 2.5 ซม. อีกรายหนึ่งเป็นผู้ชายที่ติดเชื้อแบคทีเรียจากฟลอริดาเช่นกัน และเด็กชายที่ติดเชื้อจากการเล่นน้ำทะเลในรัฐแมริแลนด์ เคราะห์ดีที่สองรายหลังได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจนอาการทุเลาแล้ว
เมืองไทยเราก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาติกลัวว่าตัวเองจะได้รับเชื้อขณะเดินทางมาท่องเที่ยว เพราะเคยมีการระบาดหลายครั้ง ย้อนไปในปี 2015 เอ็ดการ์ ซาวิซาร์ นักการเมืองชาวเอสโตเนีย เคยเสียขาให้กับแบคทีเรียกินเนื้อคนที่เมืองไทยมาแล้ว
ขณะนั้นซาวิซาร์เดินทางมาร่วมประชุมกับคณะนายกเทศมนตรีจากประเทศยุโรปและเอเชียที่กรุงเทพฯ แต่หลังจากเดินทางกลับเอสโตเนียก็มีอาการอ่อนเพลียจนต้องหามส่งโรงพยาบาล แพทย์วินิจฉัยว่านักการเมืองรายนี้มีอาการติดเชื้อแบคทีเรียสเตร็ปโตคอกคัส หรือแบคทีเรียกินเนื้อคนเฉียบพลันจากรอยขีดข่วนไม่ถึงเซนติเมตรบริเวณขาด้านขวา ไม่นานเชื้อแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดภาวะเลือดเป็นพิษและอาการทรุดลง ทั้งยังมีโรคแทรกซ้อนคือ อวัยวะภายในรวมทั้งไตได้รับความเสียหายบางส่วนจนต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน
แม้แพทย์จะควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียได้ในการผ่าตัดครั้งแรก แต่อาการของซาวิซาร์ก็ยังไม่ดีขึ้นจนต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้ง เริ่มจากการขูดเนื้อเยื่อที่ได้รับความเสียหายออก ทว่าอาการของนักการเมืองสายกลางหนักจนแพทย์ต้องตัดขาขวาซึ่งเป็นต้นตอของการติดเชื้อตั้งแต่เหนือหัวเข่าลงมา เนื่องจากถูกแบคทีเรียเล่นงานจนเนื้อเยื่อและเส้นเอ็นเสียหายรุนแรง
เมื่อปี 2016 ยังมีเด็กหญิงวัย 18 เดือนจากออสเตรเลียติดเชื้อแบคทีเรียชนิดเดียวกันระหว่างท่องเที่ยวที่เขาหลัก จ.พังงา จนต้องตัดเนื้อปอดบางส่วนออกและรักษาตัวในโรงพยาบาลในไทยนานนับเดือน
ทั้งนี้ โรคแบคทีเรียกินเนื้อคน เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียและก่อให้เกิดการอักเสบรุนแรงที่ผิวหนังโดยมีการแพร่กระจายไปยังชั้นเนื้อเยื่ออ่อนใต้ผิวหนัง เนื้อเยื่อไขมัน เนื้อเยื่อพังผืด รวมถึงกล้ามเนื้อและเส้นประสาท ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่ติดเชื้อตาย และอาจลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายจนเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
สาเหตุเกิดจากการได้รับเชื้อแบคทีเรียชนิดเดียวหรือหลายชนิด อาทิ สเตร็ปโตค็อกคัส กลุ่มเอซึ่งพบได้บ่อยที่สุด เชื้อเคล็ปเซลลา เชื้อคลอสตริเดียม เชื้ออีโคไล เชื้อสแตฟิโรค็อกคัส ออเรียส และแอโรโมแนส ไฮโดรฟิลาซึ่งตัวหลังนี้เป็นเชื้อที่มีความรุนแรงที่สุด แบคทีเรียเหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งการรับประทานอาหารทะเลดิบๆ ที่ปนเปื้อนเชื้อและการที่บาดแผลเปิดสัมผัสกับน้ำทะเล
เมื่อได้รับเชื้อเริ่มแรกผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บ ปวด บวม แดง แสบร้อนที่ผิวหนังอย่างรวดเร็ว ร่วมด้วยอาการไข้สูง บาดแผลเริ่มมีสีคล้ำหรือมีถุงน้ำเกิดขึ้น และเกิดการตายของเนื้อเยื่อ บางรายอาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น ช็อกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด ไตวาย อวัยวะภายในถูกทำลาย
เชื้อนี้อยู่ใกล้ตัวคนไทยมาก เพราะบ้านเรามีทั้งทะเลและอาหารทะเลมากมาย แถมยังมีอากาศร้อนที่เชื้อแบคทีเรียชอบ แต้ก็ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไปจนกระทบกับการดำเนินชีวิต เดวิด เอกัส แพทย์ชาวอเมริกัน แนะนำว่าวิธีป้องกันเชื้อร้ายที่ดีที่สุดคือการดูแลรักษาแผลอย่างถูกวิธี โดยให้ทำความสะอาดบาดแผล แม้จะเป็นเพียงรอยขีดข่วนเล็กน้อยก็ตาม ด้วยน้ำสะอาดและสบู่ ใช้พลาสเตอร์ยาปิดบาดแผลเปิดจนกว่าจะหาย รวมทั้งการการใช้พลาสเตอร์ยาชนิดกันน้ำปิดบาดแผลก่อนลงทะเล หรือหากมีบาดแผลระหว่างเล่นน้ำก็ให้รีบล้างแผลให้เร็วที่สุด และสังเกตบาดแผลว่ามีสัญญาณการติดเชื้อ เช่น บวม แดง หรือไม่