posttoday

บิตคอยน์กลับมาแล้ว ทะลุ$12,000ครั้งแรกรอบปีครึ่ง

26 มิถุนายน 2562

ตอบทุกคำถาม แค่ผันผวนหรือโคตรเหง้าฟองสบู่และตกลงมันควรค่าแก่การลงทุนหรือไม่?

 


หลังจากเคยพุ่งพรวดจนหลายคนตกอกตกใจมาแล้วเมื่อปี 2017 แล้วจากนั้นก็ตกฮวบเหมือนฟองสบู่แตกในปี 2018 แต่ล่าสุดราคาของบิตคอยน์ (Bitcoin) กลับมาไต่ระดับอีกครั้ง จนทะลุหลัก 12,273.08 เหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีครึ่ง ในการซื้อขายที่ตลาดโตเกียว

นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นมาราคาเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนนี้ สาเหตุมาจากเงินตราแบบดิจิทัล (cryptocurrency) ได้รับการยอมรับและดึงดูดความสนใจจากสถาบันการเงินหลักๆ ของโลกไม่ว่าจะเป็น JPMorgan Chase & Co. ที่เล็งเห็นถึงความสนใจของลูกค้าในการทำธุรกรรมตราสารหนี้ด้วยเงินประเภทนี้ รวมถึง Facebook ที่วางแผนที่จะใช้เงินตราแบบดิจิทัลที่เรียกว่า Libra และความเคลื่อนไหวของภาคธุรกิจรายอื่นๆ ที่สนใจเงินตราประเภทนี้

ครั้งสุดท้ายที่บิตคอยน์ไต่ขึ้นไปสูงกว่า 12,000 เหรียญสหรัฐคือในเดือนธันวาคม 2017 และมีราคาสูงที่สุดถึง 19,511 เหรียญสหรัฐในเดือนเดียวกัน หลังจากนั้นราคาก็ตกลงมาเรื่อยๆ โดยรวมแล้วราคาค้างอยู่ที่ 12,000 เพียง 6 สัปดาห์เท่านั้น


ย้อนรอยอาการผีเข้าผีออกของบิตคอยน์

สำหรับมหากาพย์บิตคอยน์ที่ขึ้นๆ ลงๆ เริ่มในปี 2017 โดยในปี 2015 - 2016 ราคายังอยู่ที่ 434 เหรียญสหรัฐ แต่พุ่งขึ้นมาที่ 998 ในเดือนมกราคมปี 2017 แล้วพุ่งสูงสุดที่ 19,783.06 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2017 พอถึงวันที่ 1 มกราคม 2018 ปรับมาอยู่ที่ 13,412.44 ท่ามกลางกระแสตื่นบิตคอยน์ของชาวโลก

แต่ราคาก็ดิ่งฮวบเนื่องจากจีนแบนการค้าขายด้วยบิตคอยน์ โดยปรับใช้คำสั่งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2018 ผลก็คือราคาบิตคอยน์ลดลงจาก 9,052 เหลือ 6,914 ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2018 และทำให้อัตราการซื้อขายบิตคอยน์ในเงินหยวนของจีนลดลงจากกว่า 90% ในเดือนกันยายน 2017 อยู่ที่ต่ำกว่า 1% ในเดือนมิถุนายน 2018

ตลอดครึ่งปีที่เหลือของปี 2018/ ราคาของบิตคอยน์ผันผวนระหว่าง 11,480 และ 5,848 จนเมื่อในวันที่ 1 กรกฎาคม 2018 ราคาขึ้นมาเล็กน้อยที่ 6,343 เหรียญสหรัฐแล้วก็ปรับลงมาเรื่อยๆ พร้อมกับความสนใจของสาธารณชนตที่ลดน้อยลง

จนกระทั่งราคาในวันที่ 1 มกราคม 2019 เหลือเพียง 3,747 ลดลง 72% จากปี 2018 และลดลงถึง 81% จากราคาสูงสุดตลอดกาลเมื่อปี 2017 อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นราคาก็ถีบขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งทำสถิติสูงสุดรอบ 1 ปีครึ่งในที่สุด


แค่ผันผวนหรือโคตรเหง้าฟองสบู่

มาร์ก ที. วิเลียมส์ (Mark T. Williams) กล่าวไว้เมื่อปี 2014 ว่าบิตคอยน์มีความผันผวนมากกว่าทองคำถึง 7 เท่าผันผวนกว่าดัชนีหุ้น S&P 500 ถึง 8 เท่า และผันผวนกว่าเงินเหรียญสหรัฐ 18 เท่า (วิลเลียมส์ เป็นนักวิชาการ นักเขียนเรื่องการเงิน และผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารความเสี่ยง เป็นอาจารย์คณะบัญชีและการเงินของมหาวิทยาลัยบอสตัน สอนหลักสูตรการธนาคาร การจัดการความเสี่ยง และกิจกรรมตลาดทุน)

ในเดือนพฤษภาคม 2018 กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกาเริ่มการสอบสวนการปั่นราคาบิตคอยน์โดยใช้วิธีการสร้างอุปสงค์เทียมขึ้นมา (Spoofing) และปั่นราคาด้วยการซื้อและขายด้วยคนๆ เดียวกันเพื่อสร้างความเข้าใจผิดขึ้นในตลาด (Wash trading) และยังมีเทคนิคการปั่นราคาอีกหลายแบบที่พบโดยเจ้าหน้าที่สืบสวน โดยมีผู้ค้าบิตคอยน์ในสหรัฐ อังกฤษ เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ ต้องสงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง และจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในววรสาร Journal of Monetary Economics ยังเตือนว่าบิตคอยน์ยังเสี่ยงต่อการปั่นราคา

แม้ว่าบิตคอยน์จะน่าลงทุน แต่นักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกหลายคนเตือนว่า บิตคอยน์คือฟองสบู่ดีๆ นี่เอง นักเศรษฐกิจดีกรีรางวัลโนเบลไม่ว่าจะเป็นโรเบิร์ต ชิลเลอร์, โจเซฟ สติกลิตซ์ และริชาร์ ธาเลอร์ รวมถึงนักเศรษฐกิจ/นักเขียนชื่อดัง คือพอล ครุกแมนต่างก็โจมตีบิตคอยน์ว่าเป็นการเก็งกำไรที่ก่อให้เกิดฟองสบู่ ครุกแมนถึงกับใช้คำว่าบิตคอยน์เป็น "การฉ้อฉล" (fraud)

นูเรียล รูบินี นักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกแห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์กบอกว่าบิตคอยน์คือ "โคตรเหง้าของฟองสบู่" (mother of all bubbles) เลยทีเดียว

แม้แต่นักลงทุนตัวพ่ออย่างวอร์เรน บัฟเฟต และจอร์จ โซรอส ก็ยังมีทัศนะในด้านลบต่อบิตคอยน์


ตกลงมันควรค่าแก่การลงทุนหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม โซรอสเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว ในเดือนมกราคม 2018 เขาเพิ่งจะกล่าวหาว่าบิตคอยน์เป็นฟองสบู่ แต่ในเดือนเมษายน 2018 กลับมีข่าวว่าเขาคิดที่จะลงทุนในเงินสกุลนี้ และได้ใบอนุญาตมาแล้ว จนทำให้เขาเป็นคนระดับไฮโปรไฟล์คนแรกที่กลืนน้ำลายตัวเองในเรื่องนี้

มีความเป็นไปได้ 2 อย่างที่โซรอสกลืนน้ำลายตัวเอง อย่างแรกคือเขา "ปั่น" ด้วยคำพูดเพื่อชี้นำทิศทางราคา อย่างที่ 2 คือจู่ๆ เขาเกิดตาสว่างเรื่องบิตคอยน์ขึ้น แต่อย่างหลังมีความเป็นไปได้น้อย เพราะใครๆ ก็ทราบดีว่าโซรอสเป็นคนที่มองตลาดขาด

ในเวลานั้นมีกูรูการเงินไม่เชื่อว่าบิตคอยน์จะดีดขึ้นมาอีก และมองว่าท่าทีของโซรอสเสียอีกที่ยิ่งทำให้ราคาตกลงไปเรื่อย แต่หลังจากผ่านไป 1 ปีนิดหน่อย มันก็กลับมารุ่งอีกครั้ง

ดังนั้นจะเชื่อนักเศรษฐศาสตร์หรือนักลงทุนตัวฉกาจก็ต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้อ่านแล้ว