หรือซีรีส์เกาหลีจะหมดพลัง กระแสเคบิวตี้ในจีนจึงแผ่วลง

สาวจีนปันใจจากเครื่องสำอางเกาหลี หันมาใช้แบรนด์เมดอินไชน่า

คงจะเป็นเพราะวลีที่ว่า “ผู้หญิงอย่าหยุดสวย” ที่ทำให้สาวๆ ไม่ว่าจะเชื้อชาติไหน อายุเท่าไร ยอมควักกระเป๋าซื้อสกินแคร์มาประทินโฉมกันแบบไม่ต้องคิดมาก ไม่ว่าเศรษฐกิจจะฝืดเคืองแค่ไหน แต่มูลค่าตลาดของเครื่องสำอางกลับมีแนวโน้มสูงขึ้น จากข้อมูลของเว็บไซต์ statista ปีนี้ตลาดเครื่องสำอางของไทยมีมูลค่า 4,058 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ของจีนอยู่ที่ 51,805 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าไทยถึง 12 เท่า

ที่ผ่านมาแบรนด์เครื่องสำอางจากฝั่งเกาหลีใต้สามารถบุกตลาดทั้งในและต่างประเทศจนประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยเฉพาะในจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่เป็นที่หมายปอง เกาหลีใต้ใช้กระแสเคป็อปและซีรีส์ทำการตลาดจนกลายเป็นผู้นำเทรนด์เครื่องสำอางในจีนและโกยรายได้จากแผ่นดินจีนได้มหาศาล ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ ซีรีส์เรื่อง My Love From The Star หรือยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว เมื่อปี 2014 เพียงแค่ช็อนจีฮยอนใช้ลิปสติกในฉากเพียงไม่กี่วินาทีก็ทำให้ลิปสีนั้น Sold Out แทบจะในทันที

แต่ตอนนี้กระแสเคบิวตี้ในจีนกำลังจะเปลี่ยนไป สาวจีนเริ่มปันใจจากเครื่องสำอางเกาหลีจนบริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ต่างๆ กว่า 30 แบรนด์ ประสบภาวะกำไรลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่บุกตลาดจีน

สาวจีนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เริ่มหันมาใช้แบรนด์เครื่องสำอางที่ผลิตกันเองในประเทศด้วยความภาคภูมิใจ โดยเฉพาะแบรนด์ที่ใช้สมุนไพรโบราณของจีนเป็นส่วนประกอบ ตามช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่ย เว่ยโป๋ บทความหรือคลิปแนะนำเครื่องสำอางเมดอินไชน่าเริ่มเข้ามาแทนที่แบรนด์จากฝั่งเกาหลีมากขึ้นๆ และมีแนวโน้มว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่จะเชื่อถือความคิดเห็นของอินฟลูเอนเซอร์ หรือคนที่มีอิทธิพลในโลกโซเชียลมากกว่าการรีวิวของดาราเซเลบ

นอกจากนี้ บรรดาเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางในจีนก็พากันปรับตัวรับกระแสด้วยการปรับลุคแพคเกจจิงและกลยุทธ์การตลาดให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ ซึ่งส่วนใหญจะเน้นไปที่การขายออนไลน์

ทว่า ในขณะที่กระแสเคบิวตี้ในจีนอยู่ในช่วงขาลง แบรนด์จากญี่ปุ่นกลับโกยรายได้จากอาหมวยเพิ่มขึ้น จากรายงานของบลูมเบิร์ก เมื่อปีที่แล้ว Shiseido แบรนด์ยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องสำอางของญี่ปุ่นมียอดขายในจีนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17.4% จากปีก่อนที่ 14.4% รวมถึงแบรนด์อื่นๆ ที่ยังมีอนาคตสดใสในจีนเช่นกัน

ถึงกระนั้น Shiseido ก็ไม่ได้ชะล่าใจว่าตัวเองอยู่เหนือแบรนด์จากฝั่งเกาหลี มะซะฮิโกะ อุโอทะนิ ซีอีโอของ Shiseido ประกาศยกเครื่องภาพลักษณ์ของแบรนด์อายุ 147 ปีด้วยการสร้างความหลากหลายเพื่อมุ่งสู่ตลาดโลกและท้าทายความเป็นผู้นำตลาดของเคบิวตี้ เริ่มจากการดึงนางแบบหลากหลายเชื้อชาติ เช่น ดัตช์ ฮังการี และลูกครึ่งอเมริกัน-เอเชีย มาร่วมงาน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองให้เป็นแบรนด์ระดับโลกและขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น