posttoday

ในความล้ำก็มีความล้มเหลว เมื่อยุคไร้เงินสดในสวีเดนไม่ราบรื่น

02 มิถุนายน 2562

จากเดิมที่เคยเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง แต่ล่าสุดสื่อเริ่มตั้งข้อสงสัยถึงอนาคตสังคมไร้เงินสดในสวีเดน

จากเดิมที่เคยเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง แต่ล่าสุดสื่อเริ่มตั้งข้อสงสัยถึงอนาคตสังคมไร้เงินสดในสวีเดน

ในขณะที่ประเทศไทยกำลังผลักดันให้สังคมบ้านเราก้าวสู่ยุคสังคมไร้เงินสดตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 หลายประเทศในแถบยุโรปเริ่มเตรียมพร้อมมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะสวีเดนซึ่งคาดว่าจะเป็นประเทศแรกที่เข้าสู่สังคมไร้เงินสดเต็มรูปแบบ จากตัวเลขล่าสุดพบว่า ร้านค้าปลีกของสวีเดนครึ่งหนึ่งคาดว่าจะหยุดการใช้เงินสดภายในปี 2025 และในปีที่แล้ว IKEA ได้ทดลองร้านค้าปลอดเงินสดแห่งแรก เงินสดหมุนเวียนได้ลดลงเหลือเพียง 1% ของ GDP (ข้อมูลจาก World Economic Forum วันที่ 2 พฤษภาคม 2019)

ปัจจุบันคนสวีเดนทั่วประเทศหันมาใช้การทำธุรกรรมในรูปแบบดิจิทัลมากถึง 80% เนื่องจากมีความสะดวกสบายทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ลดความเสี่ยงต่อการถูกปล้นชิงทรัพย์ และสามารถชำระเงินได้อย่างรวดเร็ว ร้านรวงส่วนใหญ่จึงพากันติดป้าย “ไม่รับเงินสด” ให้เห็นจนกลายเป็นเรื่องปกติ ไม่เว้นแม้การขึ้นรถสาธารณะก็ต้องใช้เงินดิจิทัลเช่นกัน อีกทั้งทางการยังออกกฎหมายมารองรับให้ปฏิเสธการรับเงินสดได้ด้วย

การชำระเงินส่วนใหญ่จะทำผ่านบัตรเดบิตหรือแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนที่พัฒนาขึ้นโดยคนสวีเดนเอง อาทิ Swish แอพชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนที่เกิดจากการพัฒนาร่วมกันของธนาคารรายใหญ่ในสวีเดนซึ่งมีผู้ใช้กว่า 5 ล้านราย หรืออีกเจ้าหนึ่งคือ iZettle ให้บริการเครื่องอ่านบัตรเครดิตบนสมาร์ทโฟนเจ้าแรกในยุโรป ที่ได้รับความนิยมในหมู่ร้านค้าขนาดเล็ก ตั้งแต่ร้านฮอตด็อกไปจนถึงคนเร่ขายหนังสือพิมพ์ เนื่องจากมีราคาย่อมเยากว่า

นอกจากธุรกิจร้านค้าแล้ว โบสถ์คริสต์ตามเมืองต่างๆ ก็เริ่มปรับตัวรับสังคมไร้เงินสดเช่นกัน โดยมีการระบุหมายเลขโทรศัพท์ของตัวเองในช่วงท้ายของการประกอบพิธีในโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ เพื่อให้ศาสนิกชนบริจาคเงินผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งโบสถ์แห่งหนึ่งในกรุงสตอกโฮล์มเผยว่า ปีที่ผ่านมามีผู้บริจาคเงินผ่านสมาร์ทโฟนถึง 85%

นิคลาส อาร์วิดสัน ผู้เชี่ยวชาญประจำสถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติสวีเดน เผยว่า ปัจจุบันชาวสวีเดนพกบัตรเดบิตหรือสมาร์ทโฟนแทนเงินสดเป็นส่วนใหญ่ และเชื่อมั่นว่าสถาบันการเงินในประเทศจะปกป้องการใช้จ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์จากแฮกเกอร์ได้ นอกจากนี้ ยังระบุอีกว่าการปรับเปลี่ยนรูปแบบธนบัตรใหม่ก็มีส่วนช่วยกระตุ้นการใช้เงินดิจิทัล เนื่องจากผู้ค้ารายย่อยมองว่าการลงทุนซื้อเครื่องรับเงินอัตโนมัติง่ายดายกว่า

อาร์วิดสัน คาดการณ์ว่า การใช้เงินสดจะทยอยลดลงเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือภายในปี 2020 สอดคล้องกับ 2 ใน 3 ของผู้ค้ารายย่อย 800 ราย ที่ตอบแบบสอบถามว่าพวกเขาคาดหวังว่าสวีเดนจะเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างสมบูรณ์แบบภายในปี 2030

อย่างไรก็ดี แม้ชาวสวีเดนเกือบทั้งหมดจะตอบรับกระแสเงินดิจิทัล แต่ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนหนึ่งที่ยืนยันว่าจะใช้ธนบัตรและเหรียญต่อไป โดย บียอร์น อิริกสัน อดีตคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติและหนึ่งในผู้เคลื่อนไหวต่อต้านกระแสนี้ กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วเขาก็ชอบใช้เงินผ่านบัตรเดบิต ที่คัดค้านเนื่องจากยังมีคนในสวีเดนอีกนับล้านคนที่ไม่สามารถจัดการรับมือกับยุคไร้เงินสดได้ เช่น ผู้สูงอายุ นักโทษ ผู้อพยพ หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวบางส่วน

นอกจากนี้ อดีตตำรวจวัยเกษียณยังกังวลเรื่องการเป็นหนี้จากการจับจ่ายใช้สอย ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว รวมถึงภัยจากแฮกเกอร์ที่นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น

ปัญหาอีกอย่างของสังคมไร้เงินสดในสวีเดนตอนนี้ก็คือ ยังมีคนอีกหลายคนที่ยังไม่พร้อมกับสังคมไร้เงินสด เช่น ผู้เกษียณอายุ ผู้อพยพมาใหม่ ผู้พิการ หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทำให้ธนาคารกลางของสวีเดนสั่งให้ธนาคารต่างๆ คงบริการที่ยังใช้เงินสดเอาไว้

นอกจากนี้ในรายงาน Access to Cash Review เกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินที่จัดทำโดยอังกฤษ ยังระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในสวีเดนสะท้อนถึงอันตรายของการถลันเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างไม่มีสติ เพราะผู้คนนับล้านอาจถูกทอดทิ้งจากระบบเศรษฐกิจ และเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับหนี้สินและต้นทุนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น

จากข้อมูลของทางการสวีเดนพบว่า หากเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน (disruption) จากการใช้เงินสดมาเป็นเงินดิจิทัล จะส่งผลกระทบต่อชาวสวีเดนถึง 15%

สเตฟาน อิงเวส (Stefan Ingves) ผู้ว่าการธนาคารกลางสวีเดนยังเตือนว่า การเข้าสู่สังคมเงินสดแบบเต็มที่ จะเป็นการโอนอำนาจให้ผู้ให้บริการการเงินออนไลน์เพียงไม่กี่เจ้าจนมากเกินไป

ล่าสุด สำนักงานกรณีฉุกเฉินพลเรือนของสวีเดน หรือ The Swedish Civil Contingencies Agency ซึ่งเป็นหน่าวยงานหนึ่งของรัฐบาล เตือนให้ประชาชนถือเงินสดที่เป็นหน่วยย่อยเอาไว้ เพื่อใช้จ่ายในกรณีทีเกิดปัญหาฉุกเฉินขึ้น เช่น เกิดปัญหาไฟดับ เทคโนโลยีเกิดความล้มเหลว หรือการโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายผ่านการโจมตีทางไซเบอร์โดยรัฐบาลบางประเทศ หรือในกรณีที่เกิดสงคราม

จะเห็นได้ว่า แม้สังคมที่จะเริ่มไร้เงินสด ก็ยังสลัดตัวจากเงินสดไม่ได้แบบเต็มร้อย เพราะโลกของเราไม่ได้มีแค่มิติไซเบอร์ แต่ยังมีมิติของชีวิตที่จับต้องได้ด้วย