ทวงคืนทางเท้าสวยๆ ด้วยการแชร์พื้นที่ไม่ใช่ไล่ทุบ
ในต่างประเทศ มีวิธีการจัดการพื้นที่สาธารณะที่น่าสนใจ แบบไม่ต้องไล่ทุบของที่เอกชนสร้างไว้ดีๆ เพื่อทำให้ (แย่) เหมือนกัน
โดย กรกิจ ดิษฐาน
ข่าวที่ถูกแชร์มากที่สุดในเวลานี้ คือเรื่องที่ กทม. ไปทุบทางเท้าสวยๆ บริเวณด้านหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในย่านนานา ซึ่งเอกชนสร้างเป็นสาธารณสมบัติแก่ชาวกรุงเทพฯ หลังจากที่ชาวเน็ตแสดงความเห็นไม่พอใจกับการกระทำของ กทม. รองผู้อำนวยการสำนักการโยธา กทม. (หน่วยงานผู้รับผิดชอบ) จึงเปิดเผยกับโพสต์ทูเดย์ ว่ากทม. ต้องดำเนินการทำทางเท้าให้เหมือนกัน เพราะถ้าอนาคตทางเท้านั้นเสียหายและเอกชนไม่ซ่อมแซม กทม.ก็ไม่มีอุปกรณ์หรือกระเบื้องชนิดเดียวกันไปซ่อมแซมให้เหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม แม้จะชี้แจงแล้วกระแสสังคมก็ยังไม่พอใจเหตุผลของ กทม. อยู่ดี
ในต่างประเทศ มีวิธีการจัดการพื้นที่สาธารณะที่น่าสนใจ แบบไม่ต้องไล่ทุบของที่เอกชนสร้างไว้ดีๆ เพื่อทำให้ (แย่) เหมือนกันหมด นั่นคือการทำเปิดพื้นที่ส่วนบุคคลให้เป็นพื้นที่สาธารณะ หรือ Privately owned public space เรียกสั้นๆ ว่า POPS
พื้นที่ POPS เกิดจากข้อตกลงระหว่างหน่วยงานบริหารเมืองกับภาคธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยทางการเมืองจะให้สัมปทานแบ่งเขตที่มีคุณค่าสูงในทางธุรกิจ เมื่อเอกชนได้พื้นที่นั้นไปแล้ว ทำการสร้างอาคารห้างร้านของตัวเอง แต่จะปล่อยให้ประชาชนเข้ามาใช้ประโยชน์โดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งอาจะเป็นจตุรัสกลางเมือง สวนหย่อม หรืออาคารที่มีพื้นที่เปิด ในเมืองใหญ่ของโลกมีการแชร์พื้นที่แบบ POPS กันทั่วไป เช่นที่นิวยอร์ก บอสตัน ซานฟรานซิสโก โตรอนโต หรือโซล
ในบรรดาเมืองเหล่านี้ นิวยอร์กเป็นเมืองแรกที่ใช้นโยบายแชร์พื้นที่ผ่านกฎหมายโซนนิ่งปี 1961 ช่วยแบ่งเบาภาระของทางการเมืองในการสร้างพื้นที่หย่อนใจและใช้งานร่วมกันของคนเมือง เช่น สวนสาธารณะ ซึ่งสร้างไม่ทันการเพิ่มขึ้นของประชากร ทางออกคือขอให้เอกชนมา "ร่วมแจม"
POPS ยังอาจเป็นพื้นที่ทางได้เท้าด้วย เช่น ทางเท้าที่เป็นส่วนต่อขยายด้านหน้าอาคารบางแห่งในนครนิวยอร์ก ถูกสร้างและตกแต่งอย่างดี จนกลายเป็นพื้นที่สัญจรและสันทนาการในเวลาเดียวกัน ส่วนต่อขยายของทางเท้า หรือ Sidewalk extensions อาจถูกจัดเป็นสวนหย่อมก็ได้ หรือจัดหาที่นั่งและที่ร่มสำหรับคนผ่านไปผ่านมา หากรัฐอนุญาตให้เอกชนทำ
ในกรณีของทางเท้าในกรุงเทพฯ แม้ว่าจะเป็นพื้นที่สาธารณะ แต่กทม. สามารถแชร์ให้เอกชนเข้ามาพัฒนาให้ดูดีขึ้นมาได้ โดยจะได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย คือ เอกชนจะได้หน้าบ้านที่สวยงามใช้สอยสะดวก ขณะที่กรุงเทพฯ ได้คนมาช่วยแบ่งเบาภาระการพัฒนาเมือง
ที่กทม. ให้เหตุผลว่า กลัวทางเท้าจะขาดคนดูแลให้มีเอกภาพ แต่ทางเท้าไม่จำเป็นจะต้องหน้าตาเหมือนกันหมด เช่น ในกรุงโตเกียวทางเท้ามีรูปแบบที่หลากหลายไม่ได้เป็นแบบเดียวกันทั้งหมด ว่ากันตามตรงแล้ว ถึงทางเท้าในกรุงเทพฯ จะใช้วัสดุประเภทเดียวกันหมดแต่ขาดความเป็นเอกภาพด้านการใช้งาน เพราะมีสภาพคุ้มดีคุ้มร้าย บางแห่งเดินได้ดี แต่บางที่ใช้เดินไม่ไหว
นอกจากนี้ ทางการ กทม. ควรที่จะศึกษาแนวทางจากต่างประเทศ คือการออกระเบียบให้ชัด และทำสัญญาให้เป็นกิจจะลักษณะว่าเอกชนจะรับผิดชอบทางเท้าหรือพื้นที่ POPS ในเวลาเท่าไร และมีเงื่อนไขอย่างไร หากไม่ทำตามสัญญาจะมีมาตรการลงโทษอย่างไร
หลายคนอาจบอกว่า เอกชนทำทางเท้าให้ดีแล้ว ไม่ควรที่จะลงโทษหากพัฒนาไม่ไหว แต่ต้องเข้าใจว่าหน้าบ้านที่สวยงามมีต่อธุรกิจเอกชนเช่นกัน เป็นผลประโยชน์ที่ลงตัวด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้นหากจะให้เอกชนมาดูทางเท้า ก็ควรจะมีการทำสัญญาให้ชัดเจน มองอีกด้านหนึ่งยังเป็นประโยชน์กับเอกชนด้วย จะได้ไม่ได้ต้องเสียหาย เมื่อถูกภาครัฐบุกมาทุบทางเท้าที่ทำไว้อย่างดี
นอกจากการจัดการในโมเดล POPS แล้วในสหรัฐ เริ่มมีการแปรรูปทางเท้าให้เอกชนมาดูแล เช่นที่เมืองแคนซัสซิตี้ รัฐมิสซูรี เมื่อเดือนธันวาคม 2017 รัฐบาลท้องถิ่นเปิดให้เอกชนสัมปทานเพื่อดูแลทางเท้าแบบเต็มที่ สาเหตุก็เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นย่านธุรกิจบันเทิงยามราตรี เกิดอาชญากรรมบ่อยครั้ง เพื่อรักษาธุรกิจไว้ กลุ่มเจ้าของกิจการในพื้นที่จึงผลักดันให้แปรรูปการดูแลทางเท้า โดยจะมีการติดตั้งเครื่องตรวจจับอาวุธ เพื่อควบคุมอาชญากรรม
เรื่องนี้มีข้อดีตรงที่ตำรวจสหรัฐจะขอค้นอาวุธในที่สาธารณะไม่ได้ แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ดูแลทางเท้า (ที่ผ่านการแปรรูปให้เป็นของเอกชน) สามารถค้นอาวุธคนที่จะเดินผ่านทางได้
vox.com รายงานว่า ในสหรัฐ รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นเริ่มได้รับงบประมาณน้อยลงเพราะมาตรการทางภาษีของรัฐบาลทรัมป์ ทำให้เกิดความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาภาคเอกชนให้เข้ามาดูแลสวัสดิการประชาชนแทนภาครัฐที่มีเงินน้อยลง
ที่กรุงเทพฯ มีปัญหาที่ต่างจากสหรัฐ นั่นคือทางเท้าถูกครอบครองโดย "สตรีทฟู๊ด" จนทางเดินไม่สะอาดและไม่พอให้คนเดิน และบางครั้งมีมอเตอร์ไซค์ขึ้นมาวิ่ง โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้กวาดล้างเป็นจริงเป็นเป็นจัง
บางทีการแปรรูปทางเท้าอาจเป็นคำตอบให้กับคนเมืองก็เป็นได้
ภาพ Photo by CHARLY TRIBALLEAU / AFP