posttoday

ใกล้ถึงกาลอวสาน ตะพาบยักษ์ตัวเมียตัวสุดท้ายตายแล้ว

15 เมษายน 2562

มีข่าวร้ายมาจากประเทศจีนว่า ตะพาบยักษ์แยงซีเกียงตัวเมียตัวสุดท้ายได้ตายลงแล้วทำให้ในเวลานี้เหลือตะพาบยักษ์แยงซีเกียงเพียง 3 - 4 ตัวเท่านั้นและทั้งหมดเป็นตัวผู้

 

ระหว่างที่คนไทยกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์กันอย่างชื่นมื่น นักอนุรักษ์ทั่วโลกกลับชื่นใจไม่ไหว เพราะมีข่าวร้ายมาจากประเทศจีนว่า ตะพาบยักษ์แยงซีเกียงตัวเมียตัวสุดท้ายได้ตายลงแล้วเมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่สวนสัตว์ซูโจว มณฑลเจียงซู ทำให้ในเวลานี้เหลือตะพาบยักษ์แยงซีเกียงเพียง 3 - 4 ตัวเท่านั้น และทั้งหมดเป็นตัวผู้ ซึ่งหมายความว่า สัตว์ชนิดนี้จะต้องสูญพันธุ์อย่างแน่นอน หากไม่มีปาฏิหาริย์ที่ทำให้จู่ๆ พบตัวเมียที่หลงหูหลงตาในแหล่งธรรมชาติ

ตะพาบยักษ์แยงซีเกียง หรือ Yangtze giant softshell turtle (Rafetus swinhoei และ Rafetus leloii) เป็นหนึ่งในเต่าน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีจมูกและปากคล้ายหมู ขนาดโตเต็มที่อาจมีน้ำหนักมากถึง 136 - 200 กิโลกรัม ยาวถึง 0.9 เมตร และอายุขัยยืนยาวถึง 100 ปี พบในแม่น้ำแยงซีเกียงและมณฑลยูนนานในประเทศจีน นอกจากนี้ยังพบได้ที่แม่น้ำแดงในประเทศเวียดนามด้วย ปัจจุบันอยู่ในจีน 1 ตัว (เพิ่งตายไป 1 ตัว) ในระบบเลี้ยง ที่เวียดนาม 2 - 3 ตัว ในสภาพธรรมชาติ

สาเหตุที่ตะพาบยักษ์แยงซีเกียงต้องพบกับจุดจบเช่นนี้ เนื่องจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่จากการล่าเพื่อการบริโภคในท้องถิ่น และการใช้กระดองกับกระดูกเป็นตัวยาในการแพทย์แผนโบราณ ส่วนกะโหลกมักเก็บไว้เป็นที่ระลึก

อีกสาเหตุที่ทำให้สัตว์ชนิดต้องสูญพันธุ์เร็วขึ้น คือแผนการของจีนที่จะสร้างเขื่อน 12 แห่งกั้นแม่น้ำแดงในเขตประเทศจีน จนกระทบต่อถิ่นที่อยู่ของตะพาบยักษ์แยงซีเกียง และก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อระบบนิเวศของเวียดนามตอนล่าง

ใกล้ถึงกาลอวสาน ตะพาบยักษ์ตัวเมียตัวสุดท้ายตายแล้ว ภาพตะพาบยักษ์แยงซีเกียง จากหนังสือ The annals and magazine of natural history เมื่อปี 1838

ประเทศเวียดนามมีความผูกพันธ์กับตะพาบยักษ์แยงซีเกียงเป็นพิเศษ นอกจากจะเป็นประเทศที่มีการพบ 2 ตัวล่าสุดที่ทะเลสาบคืนดาบ หรือ ทะเลสาบหว่านเกี๋ยม เมื่อเดือนเมษายน 2018 และที่ทะเลสาบดองโม เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 แล้ว เวียดนามยังมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับตะพาบยักษ์แยงซีเกียงที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของชาติ

ในศตวรรษที่ 15 จักรพรรดิจักรพรรดิเล ท้าย โต๋ หรือเล เหล่ย ได้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จากจ้าวมังกร ขับไล่ผู้รกุรานชาวจีนราชวงศ์หมิงให้ออกไปจากเวียดนาม เมื่อภารกิจกู้แผ่นดินสำเร็จแล้ว พระองค์ทรงประทับเรือข้ามทะเลสาบลึกถวี๋ หรือ ทะเลสาบน้ำเขียว จู่ๆ ก็มีตะพาบตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ และขอให้พระองค์ส่งดาบนั้นคืนแด่จ้าวมังกร ทันใดนั้นดาบนั้นก็ได้พุ่งออกจากฝักดาบในพระหัตถ์ของจักรพรรดิเล เหล่ย เข้าไปในปากของตะพาบ แล้วมันก็ดำหายกลับลงไปสู่ใต้ผิวน้ำ ต่อมาทะเลสาบน้ำเขียวจึงได้ชื่อว่าทะเลสาบคืนดาบ ที่ใจกลางกรุงฮานอย จนถึงทุกวันนี้

ทั้งนี้ ชาวเวียดนามได้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้กับตะพาบยักษ์แยงซีเกียง Rafetus leloii เพื่อรำลึกถึงจักรพรรดิจักรพรรดิเล เหล่ย