ผู้นำคาซัคสถานลาออกหลังครองอำนาจนาน 3 ทศวรรษ
ประธานาธิบดีคนแรกของคาซัคสถาน ลาออกจากตำแหน่ง หลังนั่งเก้าอี้ผู้นำมานานเกือบ 30 ปี แต่ยังไม่วางมือจากอำนาจ
ประธานาธิบดีคนแรกของคาซัคสถาน ลาออกจากตำแหน่ง หลังนั่งเก้าอี้ผู้นำมานานเกือบ 30 ปี แต่ยังไม่วางมือจากอำนาจ
นูร์ซุลตัน นาซาร์บาเยฟ ประธานาธิบดีคาซัคสถาน วัย 78 ปี ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ หลังจากครองอำนาจมายาวนานถึง 29 ปี นับตั้งแต่ปี 1990 สมัยที่คาซัคสถานแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียตนับตั้งแต่ที่โซเวียตล่มสลาย เพื่อส่งต่ออำนาจให้กับคนรุ่นใหม่
นายนาซาร์บาเยฟออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ระบุว่า เขาจำนั่งเก้าอี้ในฐานะรักษาการประธานาธิบดีต่อไปจนกระทั่งหมดวาระในปี 2020
"ผมตัดสินใจจะยุติอำนาจของผมในฐานะประธานาธิบดี ซึ่งนับเป็นปีที่ 30 ของผมที่ทำงานในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศเราว ผมได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ จากคนที่ยิ่งใหญ่ที่ผมเป็นประธานาธิบดีคนแรกของคาซัคสถานนับตั้งแต่ได้รับเอกราช"
"ผมมองว่าหน้าที่ของผมคือการอำนวยความสะดวกให้คนรุ่นใหม่ๆ ก้าวขึ้นมาสานต่องานปฏิรูปประเทศ"
อย่างไรก็ดี ปฎิเสธไม่ได้ว่าการลาออกของนายนาซาร์บาเยฟ จะเป็นการสืบทอดอำนาจเนื่องจาก หลังจากลงจากตำแหน่งผู้นำประเทศ นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค Nur Otan party ซึ่งครองเสียงข้างมากในสภา ประธานคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีอิทธิพลสูง และอาจจะได้รับตำแหน่ง "ผู้นำแห่งชาติ" อย่างเป็นทางการด้วย
นายนาซาร์บาเยฟไม่เพียงแค่จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดรัสเซีย เขายังถือว่าเป็นผู้นำทางการเมืองที่ปกครองประเทศมาอย่างยาวนานในแบบที่ผู้นำเครมลินก็ไม่สามารถเทียบได้
30 ปีในอำนาจ
นายนาซาร์บาเยฟเกิดเมื่อปี 1940 เริ่มเข้ามามีอำนาจทางการเมืองในฐานะเลขานุการคนแรกของพรรคคอมมิวนิสต์คาซัคสถานในปี 1989 สมัยที่คาซัคฯยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต
หลังจากที่แยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต นายนาซาร์บาเยฟได้รับชนะการเลือกตั้งหลายครั้งนับตั้งแต่ปี 1999,2005,2011 และล่าสุดในปี 2015 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าเขาได้รับคะแนนเสียงท้วมท้นในระดับ 98%
เขาเป็นผู้นำประเทศคาซัคสถาน ซึ่งเป็นชาติที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในเอเชียกลางที่มีประชากรเบาบางเพียง 18 ล้านคน แต่มีทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจำนวนมาก
โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมานายนาซาร์บาเยฟ ได้มุ่งเน้นไปที่การปฏิรูปเศรษฐกิจขณะที่หลายภาคส่วนเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้านการครองอำนาจมายาวนานของเขา ร่วมถึงท่ามกลางการจับตามองของนักวิจารณ์ในหลายภาคส่วนถึงคอรัปชั่นและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง
นายนาร์ซาบาเยฟยังถือเป็นพันธมิตรคนสำคัญของประธานาธิบดีปูตินด้วย โดยหลังการประกาศลาออกของนาร์ซาบาเยฟ ทางด้านทำเนียบเครมลินไม่ได้มีคำแถลงใดๆออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ระบุเพียงว่า ปธน.ปูตินได้ต่อสายพูดคุยกับนายนาร์ซาบาเยฟเป็นการส่วนตัวแล้ว