เจ้าสาวไอซิสโผล่อีกราย ร้องขอกลับสหรัฐ

เจ้าสาววัย 24 ที่หนีไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอซิส ร้องขอเดินทางกลับบ้านเกิดในสหรัฐ

จากกรณีของน.ส.ชามีมา บีกัม วัย 19 ปี หญิงสาวชาวอังกฤษที่เรียกร้องของเดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิดหลังจากที่ยอมรับไปเข้าร่วมและแต่งงานกับนักรบไอซิสนั้น

ล่าสุดสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้รายงานโดยระบุว่าพบหญิงสาวอีกรายที่ชื่อว่า ฮูดา มุตตานา จากรัฐอลาบามา ซึ่งเดินทางไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอซิสตั้งแต่อายุ 19 กำลังร้องขอเพื่อเดินทางกลับมายังสหรัฐอีกราย หลังจากที่กลุ่มก่อการร้ายไอเอสถูกกองกำลังนานาชาติปราบปรามอย่างหนัก จนเธอต้องหนีไปอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในซีเรีย

รายงานระบุว่า เธอได้เดินทางออกจากเมืองฮูเวอร์ รัฐอลาบามา ในปี 2014 ซึ่งขณะนั้นเธอมีอายุ 19 ปี หลังจากห้าปีกับสามีอีกสามคน เธอยอมรับว่าเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปและร้องขอกลับไปยังสหรัฐ

ซีเอ็นเอ็นได้เปิดเผยจดหมายซึ่งตอนหนึ่งของจดหมายถึงระบุว่า ตอนที่เธอหนีออกจากบ้านไปยังซีเรีย เธอไม่ต่างกับผู้หญิงคนอื่นๆที่ถูกชักจูงไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอซิส ซึ่งไร้เดียงสา และคิดว่าเข้าใจความเชื่อทางศาสนาของเธอดีแล้ว

แต่หลังจากที่เธอได้เห็นภาพของสงคราม รวมถึงการตายของอดีตสามีสองคน เธอจึงตาสว่าง และต้องการกลับบ้าน

ฮูดาได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับเจมส์ ลองแมน แห่งสำนักข่าวเอบีซีเป็นครั้งแรกว่า ตอนที่เธอตัดสินใจหนีไปซีเรียนั้นเพราะเธอถูกล้างสมอง เธอไม่ได้คิดถึงผลที่ตามมา เธอระบุว่าเธอเติบโตมาในครอบครัวชนชั้นกลาง แต่ด้วยความเป็นมุสลิมในสังคมสหรัฐ เธอรู้สึกว่าถูกจำกัดและริดรอนสิทธิ์ต่างๆ จึงตัดสินใจหนีไปเข้าร่วมกับไอซิส

เธอถูกพาไปเก็บตัวยังเซฟเฮ้าส์ที่เมืองรักกา ฐานที่มั่นของไอซิสในขณะนั้น และเมื่อถึงเวลาแต่งงาน ก็มีบัญชีรายชื่อของนักรบไอซิสสัญชาติต่างๆมาให้เลือก จนกระทั่งเธอให้กำเนิดลูกชาย

หลังจากที่กองกำลังพันธมิตรซีเรียได้บุกยึดคืนเมืองรักกาได้สำเร็จเมื่อเดือนตุลาคมปี 2017 เธอกับลูกชายวัย 18 เดือนได้อพยพมาพำนักยังค่ายผู้ลี้ภัย พร้อมร้องขอความเห็นใจเดินทางกลับไปยังสหรัฐ

นอกจากนี้ในรายงานของเอบีซีระบุว่า ในสมัยที่เธอร่วมกับนักรบไอซิสนั้น ฮูดาได้ใช้บัญชีแอคเคาท์ทวิตเตอร์ ทวีตข้อความปลุกระดมชาวมุสลิมหัวรุนแรงในสหรัฐให้ก่อเหตุร้ายในวันรำลึกทหารผ่านศึกด้วย

อย่างไรก็ดีมีความคิดเห็นจาก Hassan Shibly หัวหน้าสภาความสัมพันธ์อเมริกัน - อิสลามแห่งฟลอริดา ยอมรับว่าหากเธอเดินทางกลับมายังสหรัฐอาจเป็นอันตรายอย่างมาก เนื่องจากเธอเสี่ยงที่จะได้รับโทษและดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย

ด้านโฆษกประจำกระทรวงต่างประเทศกล่าวถึง กรณีของฮูดาว่าทางกระทรวงยังไม่ได้หารือถึงประเด็นนี้ รวมถึงไม่รับปากว่าจะมีการดำเนินคดีหรือไม่