posttoday

ทรัมป์งัดข้อ ผอ.ข่าวกรองสหรัฐ ไล่ไปเรียนหนังสือมาใหม่

31 มกราคม 2562

ปธน.ทรัมป์ จวก 3 ผอ.สำนักข่าวกรอง แสนจะไร้เดียสา ไล่กลับไปเรียนหนังสือใหม่ หลังเห็นต่างกับเขาทุกเรื่องในด้านความมั่นคง

ปธน.ทรัมป์ จวก 3 ผอ.สำนักข่าวกรอง แสนจะไร้เดียสา ไล่กลับไปเรียนหนังสือใหม่ หลังเห็นต่างกับเขาทุกเรื่องในด้านความมั่นคง

เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองหลักของสหรัฐทั้งสามแห่งคือ นางจีน่า แฮสเพล ผอ.ซีไอเอ นายแดน โคตส์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐ (ดีเอ็นไอ) และ นายคริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ได้เข้าพบต่อคณะกรรมาธิการด้านข่าวกรองของสภาคองเกรส เพื่อเสนอรายงานการวิเคราะห์ประจำปีเกี่ยวกับ "ภัยคุกคามร้ายแรงต่อโลก" จำนวน 42 หน้า

 

ทรัมป์งัดข้อ ผอ.ข่าวกรองสหรัฐ ไล่ไปเรียนหนังสือมาใหม่ 3 ผอ.สำนักข่าวกรองสหรัฐ เข้ารายงานต่อสภาคองเกรส

การเข้าพบคณะกรรมาธิการวุฒิสภาของผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองทั้งสามนั้น ได้เสนอรายงานภัยคุกคามต่อโลกในหลายประเด็นทั้งประเด็นปลดนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ภัยคุกคามจากอิหร่าน สถาการณ์ในซีเรีย การกวาดล้างกลุ่มไอเอส รวมถึงประเด็นรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้งสหรัฐ

ทรัมป์งัดข้อ ผอ.ข่าวกรองสหรัฐ ไล่ไปเรียนหนังสือมาใหม่ จีน่า แฮสเพล ผอ.ซีไอเอ

นางแฮสเพล ผอ.ซีไอเอ กล่าวถึงประเด็นอิหร่านว่า  ที่ผ่านมาอิหร่านไม่ได้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ที่อาจเป็นการละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 แตทว่าประธานาธิบดีทรัมป์กลับประกาศถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมาผู้นำสหรัฐได้ใช้ข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าอิหร่านแอบซุ่มพัฒนานิวเคลียร์อย่างลับๆ ก็มาเป็นเหตุให้ถอนตัวดังกล่าว

ทรัมป์งัดข้อ ผอ.ข่าวกรองสหรัฐ ไล่ไปเรียนหนังสือมาใหม่ แดเนียล โคตส์  ผอ.ดีเอ็นไอ 

ส่วน นายแดเนียล โคตส์ ผอ.ดีเอ็นไอ ได้กล่าวถึงประเด็นปลดนิวเคลียร์จากคาบสมุทรเกาหลีว่า เกาหลีเหนือไม่มีทางยุติครอบครองอาวุธนิวเคลียร์อย่างแน่นอน รวมถึงยังคงแอบพัฒนาศักยภาพนิวเคลียร์อย่างลับๆ แม้ว่านายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือจะมีท่าทีอ่อนลงในประเด็นดังกล่าว ร่วมถึงเตรียมจะมีประชุมนัดสำคัญกับผู้นำสหรัฐอีกครั้งในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ก็ตาม

 

 

ส่วนกรณีกลุ่มก่อการร้ายไอเอส ผอ.ดีเอ็นไอ มองว่า กลุ่มไอเอสยังไม่ถูกกำจัดอย่างราบคาบ และยังคงสามารถกลับมามีอำนาจในพื้นที่ซีเรีย และอัฟกานิสถานได้อีกครั้ง ซึ่งตรงกันข้ามกับที่ปธน.ทรัมป์ออกคำสั่งถอนทหารสหรัฐออกประเทศในตะวันออกกลาง

 

 

นายคริสโตเฟอร์ เรย์ ผอ.เอฟบีไอ ซึ่งกำลังให้ความสนใจและมุ่งสืบสวนว่ารัสเซียมีส่วนกระบวนการแทรกแซงเลือกตั้ง และการเมืองภายในสหรัฐภายในใต้คณะการทำงานของนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ระบุว่า ขณะนี้สหรัฐกำลังพบภัยคุกคามด้านข่าวกรองจากจีน-รัสเซียมากขึ้น โดยเฉพาะกับจีนที่ขณะนี้พบว่ากำลังกลายเป็นปัญหา และความท้าทายให้กับความมั่นคงของโลกมากขึ้นที่ใช้โอกาสจากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีในการสอดแนมข้อมูล

 

 

การออกมาแถลงของทั้ง 3 ผอ.ข่าวกรองสหรัฐนั้น ส่งผลให้ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ ทวีตข้อความจำนวนหลายข้อความโจมตีรายงานดังกล่าวในหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นเกาหลีเหนือ ที่ปธน.ทรัมป์ระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือในปัจจุบันยังเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก และเขากำลังจะได้พบกับนายคิมจองอึนในเร็วๆนี้ 

ส่วนประเด็นตะวันออกกลางนั้น ปธน.ทรัมป์ระบุว่าตอนที่เขาเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น กลุ่มไอเอสได้ขยายอิทธิพลควบคุมทั่วทั้งซีเรีย และอาละวาด แต่พอหลังจากนั้นมีความก้าวหน้าในการปราบปรามกลุ่มไอเอสอย่างมากในเวลาไม่ถึงสองปี หลังจากการต่อสู้ที่รุนแรงนานถึง 18 ปี  ปธน.ทรัมป์กล่าวว่าบรรดาเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐ "ควรกลับไปเรียนหนังสือมาใหม่"