'เฟด'แย้มชะลอขึ้นดอกเบี้ย

ผู้ว่าการเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจโตอ่อนแรง ยันไม่ไขก๊อกแม้เจอแรงกดดันทรัมป์

เจอโรม พาวเวลล์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ หากการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแรงลง พร้อมเสริมว่าเฟดเตรียมพร้อมอยู่เสมอในการปรับทิศทางนโยบายการเงินให้มีความยืดหยุ่น และใช้มาตรการทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง

"จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังอ่อนแรงอยู่ เราจะอดทนรอดูว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวไปในทิศทางใด" พาวเวลล์ กล่าวระหว่างงานประชุมประจำปีของสมาคมเศรษฐกิจสหรัฐ

นอกจากนี้ พาวเวลล์ยังส่งสัญญาณว่าอาจปรับแผนการลดขนาดงบดุลของเฟดด้วยเช่นกัน นับเป็นการเปลี่ยนท่าทีจากเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าจะเดินหน้าลดขนาดงบดุลของเฟดต่อที่ระดับปัจจุบันเดือนละ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.63 ล้านล้านบาท)

ขณะเดียวกัน พาวเวลล์ยังยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่งอย่างเด็ดขาด แม้ว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ จะเรียกร้องให้ลาออกก็ตาม โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ทรัมป์ต้องการปลดพาวเวลล์ออกจากตำแหน่ง เพราะไม่พอใจการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ที่ทรัมป์มองว่าบั่นทอนการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ

"ท่าทีที่อ่อนลงของพาวเวลล์ช่วยสนับสนุนคาดการณ์ของเราว่า อาจมีการขึ้นดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง ในปี 2019 และไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยเลยในปี 2020" มิกกีย์ เลวี และรอยอานา เรด นักวิเคราะห์จากเบเรนเบิร์ก แคปิตอล มาร์เก็ตส์ กล่าว โดยก่อนหน้านี้ในการประชุมเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. เฟดคาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ และขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง ในปี 2020

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.12 แสนอัตรา ซึ่งปรับขึ้นมากที่สุดในรอบ 10 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.76 แสนอัตรา โดยหากคิดรวมทั้งปี 2018 แล้ว ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านอัตรา ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2015 และเพิ่มขึ้นมากกว่าในปี 2017 ที่ 2.2 ล้านอัตรา

นอกจากนี้ ค่าจ้างในเดือน ธ.ค.ยังเพิ่มขึ้นอีก 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2017 ซึ่งเป็นอัตราการปรับขึ้นรายปีที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2009 นับเป็นสัญญาบ่งบอกว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของพาวเวลล์และตัวเลขการจ้างงาน เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้น สหรัฐปิดแดนบวกเมื่อคืนวันที่ 4 ม.ค. โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ทะยานขึ้น 746.94 จุด หรือ 3.3% ไปอยู่ที่ 23,433.16 จุด ด้านดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็ก ปิดตลาดปรับตัวขึ้น 3.43% และ 4.26%