posttoday

เซเว่นจ่อกระอัก'แอมะซอน'เขย่าเชนของชำ

21 กันยายน 2561

แอมะซอนบีเซเว่นฯ เตรียมเปิดแอมะซอนโก 3,000 สาขาทั่วสหรัฐฯ เขย่าเชนมินิมาร์ท-อาหารจานด่วน

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

"แอมะซอน ดอทคอม" บริษัทค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่ที่สุดในโลก กำลังสร้างความสั่นสะเทือนให้ธุรกิจค้าปลีกอีกครั้ง จากการรุกหนักกระโดดเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกออฟไลน์ ด้วยการจะขยายสาขา "แอมะซอน โก" ร้านค้าปลีกไร้แคชเชียร์ โดยคาดว่าจะชูจุดขายเรื่องอาหารพร้อมรับประทานสำหรับช่วงเวลาเร่งรีบในเมือง

การขยับตัวของแอมะซอนครั้งนี้ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับบรรดาเชนร้านสะดวกซื้อแบบเซเว่นอีเลฟเว่น และธุรกิจอาหารจานด่วน อย่างร้านขายแซนด์วิชเน้นบริการรวดเร็วอย่างซับเวย์ และปาเนรา เบรด เช่นเดียวกับร้านพิซซ่าขนาดเล็ก และรถขายทาโก้

บลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า แอมะซอนกำลังพิจารณาเปิดสาขา แอมะซอน โก จำนวน 3,000 แห่ง ภายในปี 2021 โดยมุ่งเจาะกลุ่มผู้บริโภคอายุน้อย เร่งรีบ และมีรายได้สูงในเมืองใหญ่ เช่น นิวยอร์ก บอสตัน และชิคาโก ซึ่งต้องการซื้ออาหารที่รับประทานได้รวดเร็ว แต่มีคุณภาพสูงกว่าอาหารจานด่วนทั่วๆ ไป

ทั้งนี้ แอมะซอน โก เป็นร้านค้าปลีกอัจฉริยะไร้แคชเชียร์ โดยนักช็อปจะต้องสแกนบัญชีผู้ใช้ที่ลงทะเบียนแล้ว บริเวณทางเข้าร้านก่อนหยิบสินค้า และสามารถเดินออกไปพร้อมสินค้าได้เลย ซึ่งระบบจะคอยตรวจจับว่าสินค้าชนิดใดที่ลูกค้าหยิบไป ด้วยเซ็นเซอร์และกล้องที่ติดตั้งไว้ตามชั้นวางของ แล้วส่งรายการสั่งซื้อเข้าไปในบัญชีผู้ใช้ของลูกค้า ก่อนตัดเงินผ่านบัตรเครดิตที่ผูกกับบัญชีแอมะซอนเมื่อลูกค้าเดินออกไปจากร้าน

รายงานระบุว่า เจฟฟ์ เบซอส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) แอมะซอน กำลังพิจารณารูปแบบของร้านค้าปลีกที่เหมาะสมที่สุดภายใต้ระบบร้านค้าไร้แคชเชียร์ โดยแบ่งเป็นคร่าวๆ 3 รูปแบบ คือ 1.ร้านขายอาหารปรุงสุกใหม่ๆ ที่แพ็กใส่กล่องพร้อมรับประทาน 2.ร้านขายอาหารสำเร็จรูปและของชำต่างๆ แบบเซเว่นอีเลฟเว่น 3.ร้านคีออสก์ที่เน้นให้บริการอาหารจานด่วนสำหรับลูกค้าที่กำลังเร่งรีบ เหมือนกับเพรต์ อา มองเชร์ เชนร้านสะดวกซื้อในอังกฤษ
 
ก่อนหน้านี้ แอมะซอนเริ่มทดลองเปิดร้านค้าปลีกไร้แคชเชียร์สาขาแรกในเมืองซีแอตเทิลของสหรัฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัท ในปี 2016 ก่อนจะเปิดสาขาเพิ่ม 2 แห่ง ในซีแอตเทิล และอีก 1 แห่งในเมืองชิคาโก รวมเป็น 4 สาขา โดย 2 สาขาจำหน่ายเพียงสลัด แซนด์วิช และขนมขบเคี้ยว ซึ่งบ่งบอกว่าแอมะซอนกำลังทดลองการให้บริการอาหารที่สะดวกต่อการรับประทาน ส่วนอีก 2 สาขาเป็นร้านขายของชำทั่วไป

หากเปิดร้านสะดวกซื้อเพิ่มอีก 3,000 สาขาแล้ว แอมะซอน โก จะกลายเป็นหนึ่งในเชนค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ โดยสมาคมร้านสะดวกซื้อแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นเอซีเอส) เปิดเผยว่า สหรัฐมีร้านสะดวกซื้ออยู่ทั้งหมด 1.55 แสนแห่ง โดย 1.22 แสนแห่ง เป็นสาขาที่อยู่ในปั๊มน้ำมัน ส่วนร้านสะดวกซื้อที่ไม่ได้อยู่ในปั๊มน้ำมันมียอดขายรวมกัน 2.33 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.54 ล้านล้านบาท) ในปี 2016 ซึ่งบุหรี่และยาสูบเป็นผลิตภัณฑ์ขายดีที่สุด ซึ่ง เจฟฟ์ เลนาร์ด รองประธานเอ็นเอซีเอส เปิดเผยว่า แอมะซอนจะกลายเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวมากขึ้นสำหรับธุรกิจร้านอาหารจานด่วนและร้านสะดวกซื้อในเมืองใหญ่

อย่างไรก็ดี ความท้าทายของแผนเปิดร้านค้าปลีกไร้แคชเชียร์คือต้นทุนสูง โดยบลูมเบิร์กรายงานว่า การเปิดสาขาแรกในซีแอตเทิลต้องใช้ทุนมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ (ราว 32.3 ล้านบาท) นับเฉพาะค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น กล้องและตัวเซ็นเซอร์ ทำให้บริษัทต้องปรับลดรายการสินค้าให้เหลือเพียงแค่อาหารที่พร้อมรับประทาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการตั้งสาขา เนื่องจากอาหารพร้อมรับประทานยังมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าของชำ ซึ่งจะลดระยะเวลาคืนทุนของสาขาด้วย

ต้องสงสัยผูกขาดตลาด

ขณะเดียวกัน มากาเรต เวสทายา หัวหน้าคณะกรรมาธิการต่อต้านการผูกขาดตลาด ภายใต้คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) เปิดเผยว่า หน่วยงานกำกับดูแลของยุโรปได้เริ่มสอบสวนแอมะซอนเรื่องการดึงข้อมูลจากผู้ขายสินค้ารายเล็กบนแพลตฟอร์ม เพื่อนำมาใช้ในการทำการตลาดสินค้าของบริษัทในทางที่ไม่เป็นธรรม

"คำถามคือเรื่องการใช้ข้อมูล โดยแอมะซอนใช้ข้อมูลนี้มาคำนวณเพื่อสร้างความได้เปรียบหรือไม่ เช่น มีสินค้าใหม่ๆ แบบไหนที่กำลังนิยม ผู้คนต้องการซื้ออะไร หรืออะไรเป็นปัจจัยทำให้คนอยากซื้อ ซึ่งประเด็นดังกล่าวทำให้เราเริ่มการเปิดสอบในขั้นต้น" เวสทายา กล่าว

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ วิจารณ์แอมะซอนว่าทำลายธุรกิจขนาดเล็ก ฝ่าฝืนกฎหมายต่อต้านการผูกขาด เลี่ยงภาษี และอาศัยความได้เปรียบจากการขนส่งสินค้าผ่านทางไปรษณีย์สหรัฐ