posttoday

อีก 5 ปีจ่อหมดยุคน้ำมัน คาดรถอีวี 50% เข้าแทนที่รถขนาดเล็ก

11 กันยายน 2561

คาดดีมานด์น้ำมันโลกแตะจุดสูงสุดอีก 5 ปี ก่อนพลังงานใหม่ทยอยทดแทน ขณะรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจ่อเข้าแทนที่

คาดดีมานด์น้ำมันโลกแตะจุดสูงสุดอีก 5 ปี ก่อนพลังงานใหม่ทยอยทดแทน ขณะรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจ่อเข้าแทนที่

บริษัทที่ปรึกษา ดีเอ็นวี จีแอล ออกรายงานคาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันโลกจะถึงจุดสูงสุดในปี 2023 และจะเริ่มลดลงหลังจากนั้นเป็นต้นไป โดยมีพลังงานใหม่ทยอยเข้ามาแทนที่ และหลังจากปี 2040 โลกจะไม่จำเป็นต้องตั้งแหล่งขุดเจาะน้ำมันเพิ่มเติมอีกเนื่องจากการบริโภคน้ำมันจะลดลง ขณะที่ความต้องการน้ำมันโลกจะลดลงจนเหลือประมาณครึ่งหนึ่งของจุดสูงสุด ภายในปี 2050

รายงานระบุว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) จะเข้ามาทดแทนรถยนต์พลังงานน้ำมันเบนซินและดีเซล โดยคาดว่าช่วงกลางทศวรรษ 2030 อีวีจะเป็นครึ่งหนึ่งของยอดขายรถยนต์ขนาดเล็กทั่วโลก และอีก 10 ปีต่อมา อีวีจะเป็นครึ่งหนึ่งของรถยนต์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่บนท้องถนน แต่รถในภาคการขนส่งจะยังคงเป็นกลุ่มหลักที่ใช้น้ำมันอยู่

ขณะที่ความต้องการก๊าซธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นจนถึงช่วงกลางทศวรรษ 2030 ก่อนจะทยอยลดลง เนื่องจากการลงทุนกลุ่มพลังงานใหม่ที่ไม่ใช่ฟอสซิลจะเพิ่มขึ้นจนแซงการลงทุนพลังงานดั้งเดิม

นอกจากนี้ สัดส่วนการลงทุนด้านพลังงานเมื่อเทียบกับจีดีพีจะปรับลดลงจาก 5.5% ในปี 2016 มาอยู่ที่ 3.1% ในปี 2050 เนื่องจากการลงทุนกับไฟฟ้าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการลงทุนในถ่านหินหรือไม้

อย่างไรก็ดี เรมี เอริกเซน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอ็นวี จีแอล คาดการณ์ว่า แม้ความต้องการน้ำมันจะลดลงตั้งแต่ปี 2023 และการบริโภคพลังงานทั้งหมดจะลดลงใน 12 ปีหลังจากนั้น แต่อุณหภูมิโลกอาจสูงขึ้น 2.6 องศาเซลเซียส ซึ่งจะสูงกว่าเป้าหมาย 2 องศาเซลเซียส ของข้อตกลงปารีสที่นักวิทยาศาสตร์โลกเห็นพ้องกันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่บนโลก

ทั้งนี้ เอริกเซน เปิดเผยว่า แผนลดคาร์บอนส่วนมากเป็นการวางแผนแค่ในระยะสั้น เช่น รัฐบาลหลายประเทศที่ใช้นโยบายประชานิยม หรือบริษัทเอกชนที่มุ่งสนใจแต่ผลประกอบการในแต่ละไตรมาส และแนะนำว่าการใช้มาตรการลดปล่อยมลพิษเรือนกระจกจะเป็นผลดีต่อการลงทุนเทคโนโลยีดักจับและจัดเก็บก๊าซคาร์บอน และกระตุ้นการลงทุนพลังงานหมุนเวียนด้วย

ภาพ เอเอฟพี