เหลือแต่ซาก! รัฐถังแตกทำพิพิธภัณฑ์บราซิลวอด
ภาพชุดความเสียหายเหตุไฟไหม้พิพิธภัณฑ์บราซิล วัตถุโบราณ 20 ล้านชิ้นเสียหาย คาดรัฐถังแตกหั่นงบเกลี้ยง
ภาพชุดความเสียหายเหตุไฟไหม้พิพิธภัณฑ์บราซิล วัตถุโบราณ 20 ล้านชิ้นเสียหาย คาดรัฐถังแตกหั่นงบเกลี้ยง
จากกรณีเหตุไฟไหม้พิพิธภัณฑ์แห่งชาติบราซิล อายุกว่า 200 ปี ในนครริโอ เดอ จาเนโร เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นจนส่งผลให้วัตถุโบราณอันประเมินค่าไม่ได้ที่เก็บรักษาไว้ที่นี่กว่า 20 ล้านชิ้นได้รับความเสียหาย แม้ว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถนำวัตถุมีค่าบางส่วนออกมาได้ก็ตาม
ด้านประธานาธิบดีมิเชล เตเมอร์ ของบราซิล ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจโดยระบุว่าเหตุการณ์นี้นับเป็นโศกนาฏกรรมของประเทศ เนื่องจากผลงาน ความรู้ และมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศตลอดช่วง 200 ปีที่ผ่านมา ต้องสูญสลายไปเพียงชั่วข้ามคืน
สำหรับอาคารพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวแต่เดิมเป็นพระราชวังของราชวงศ์บรากันซ่าของโปรตุเกส จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1892 ซึ่งปีกำหนดจะครบรอบ 200 ปีในปีนี้ แต่เกิดเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวเสียก่อน
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวประสบปัญหาขาดแคลนงบประมาณในการดูแลรักษา โดยกลุ่มผู้ประท้วงรัฐบาล และรองผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ต่างเผยกับผู้สื่อข่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า หลายปีที่ผ่านมารัฐบาลตัดลดงบประมาณอันเนื่องมาจากภาวะเงินเฟ้อของประเทศ ประกอบกับความวุ่นวายทางการเมืองในช่วง2-3ปีทีผ่านมา
ด้านกลุ่มผู้ประท้วงบางรายบอกว่าเป็นเพราะปัญหาคอรัปชั่นกัดกินประเทศจึงเกิดเหตุดังกล่าว
จึงเป็นผลให้ทางพิพิธภัณฑ์ต้องช่วยเหลือตนเองด้วยการรณรงค์เรี่ยรายเงินผ่านเว็บไซต์ crowdfunding เพื่อจัดงานนิทรรศการ
ขณะที่ศ.โรเบอร์ เลเฮอร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสหพันธ์รีโอเดจาเนโร ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของพิพิธภัณฑ์ ระบุว่าแม้แต่รองผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ยังต้องสั่งให้ถอดปลั๊กไฟทุกครั้งหลังพิพิธภัณฑ์ปิดเพื่อป้องกันการลัดวงจร เนื่องจากระบบสาธารณูปโภคภายในที่เสื่อมสภาพอย่างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ทางพิพิธภัณฑ์เพิ่งบรรลุข้อตกลงกับธนาคาร เพื่อนำเงินมาปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ รวมทั้งระบบป้องกันไฟก่อนเหตุไฟไหม้ไม่นาน แต่เกิดเหตุดังกล่าวเสียก่อน
อย่างไรก็ดีขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังไม่ได้สรุปถึงเหตุไฟไหม้ว่ามีต้นเพลิงมาจากที่ใด แต่เจ้าหน้าที่กำลังเป็นกังวลว่าโครงสร้างอาคารอาจจะไม่ปลอดภัยจนอาจถล่มลงมาทั้งนี้ สำหรับพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวนับเป็นสถาบันด้านประวัติศาสตร์และมานุษยวิทยาที่ใหญ่ที่สุดในแถบอเมริกาใต้
ภาพ : AFP, REUTERS