"มาเลเซีย"สกัดต่างชาติฮุบที่ดิน

"มหาเธร์" สั่งห้ามคนต่างชาติซื้อที่พักอาศัยในโครงการฟอเรสต์ ซิตี้ สกัดจีนไหลเข้าประเทศ

นายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด แห่งมาเลเซีย เปิดเผยว่า มาเลเซียจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อที่พักอาศัยในโครงการฟอเรสต์ ซิตี้ มูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.25 ล้านล้านบาท) ในรัฐยะโฮร์ ซึ่งเป็นโครงการของคันทรี่ การ์เดน โฮลดิ้งส์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สัญชาติจีน

“เมืองที่กำลังสร้างขึ้นไม่สามารถขายให้ชาวต่างชาติ และเราจะไม่ออกวีซ่าให้คนเข้ามาและทำงานที่นี่” มหาเธร์ กล่าว แต่ยังไม่ระบุว่าจะสกัดชาวต่างชาติซื้อที่พักอาศัยอย่างไร และไม่ระบุว่าการระงับออกวีซ่าจะมีผลครอบคลุมขนาดไหน

ทั้งนี้ รอยเตอร์สเปิดเผยว่า ชาวจีนคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 ของชาวต่างชาติทั้งหมดที่ซื้ออพาร์ตเมนต์ในฟอเรสต์ ซิตี้ โดย 20% เป็นชาวมาเลเซีย และส่วนที่เหลือเป็นชาวต่างชาติจาก 22 ประเทศ รวมถึงอินโดนีเซีย เวียดนาม และเกาหลีใต้ โดยโครงการนี้เสนอวีซ่าระยะยาวเพื่อดึงดูดผู้ซื้อและนักลงทุนทั้งจากจีน อินโดนีเซีย ไทย และดูไบ

สำหรับเรื่องการขายที่พักให้ชาวต่างชาติ คันทรี่ การ์เดน ยืนยันว่าบริษัททำตามกฎหมายและข้อกำหนดทุกประการ และได้ติดต่อสำนักงานนายกรัฐมนตรีเพื่อขอคำชี้แจงแล้ว

ก่อนหน้านี้ คันทรี่ การ์เดน เสนอขายที่พักในโครงการให้ชาวจีน และมีผู้ซื้อหลายพันคนจ่ายมัดจำอพาร์ตเมนต์ไว้แล้ว แม้ต้องจ่ายแพงกว่าชาวมาเลเซีย 2 เท่า แต่เมื่อปีที่แล้ว คันทรี่ การ์เดน ได้ปรับเปลี่ยนไปเน้นขายให้ชาวต่างชาติจากประเทศอื่น หลังปักกิ่งควบคุมเงินไหลออกประเทศ ทำให้ยอดขายที่พักในโครงการลดลง 20% มาอยู่ที่ 8,000 ล้านหยวน (ราว 3.81 หมื่นล้านบาท) ในปี 2017

ขณะที่ อึ้งโจวฮัน ประธานฝ่ายกลยุทธ์ของคันทรี่ การ์เดน ฟอเรสต์ ซิตี้ เปิดเผยว่า รัฐบาลมาเลเซียไม่ต้องการให้ผู้ประกอบการจากจีนย้ายเข้ามาเลเซีย และได้ทำสัญญาจ้างกับรัฐบาล ซึ่งจะกระทบโอกาสทำโครงการของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่น

อย่างไรก็ดี อึ้ง เปิดเผยว่า คันทรี่ การ์เดน พยายามปรับภาพลักษณ์โครงการให้เป็นมาเลเซียมากขึ้น ทั้งยังจ้างงานชาวมาเลเซียในตำแหน่งผู้บริหารมากขึ้น พร้อมระบุว่า ไม่กังวลว่าโครงการนี้อาจเกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลาย และไม่มีคนอยู่อาศัย เนื่องจากบริษัทจะชะลอการสร้างหากความต้องการลดลง

ภาพ เอเอฟพี