ผู้ผลิตซบไทย-อาเซียน หนีค่าแรงจีนพุ่ง-สงครามการค้าระอุ

บริษัทภาคการผลิตเตรียมย้ายฐานมาอาเซียน หวังลดผลกระทบสงครามการค้าจีน-สหรัฐ

รอยเตอร์สรายงานว่า บริษัทสหรัฐหลายรายกำลังพิจารณาย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังประเทศในกลุ่มอาเซียนที่มีค่าแรงถูกอย่าง เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย และไทย หลังต้องเผชิญต้นทุนการผลิตในจีนเพิ่มขึ้น รวมถึงความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่กำลังกลายเป็นชนวนเร่งให้ผู้ผลิตตัดสินใจมองหาฐานการผลิตใหม่

“ไทย เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา เป็นประเทศที่มีศักยภาพมากที่สุด” ลาร์รี สโลเวน ประธานบริษัท แคปสโตน อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน กล่าว พร้อมเสริมว่า บริษัทดำเนินการกระจายฐานการผลิตมาแล้วระยะหนึ่ง

รอยเตอร์สระบุว่า ไทยถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายแรกๆ ในอาเซียนที่เอกชนเตรียมเข้ามาขยายการผลิตเพิ่ม ขณะที่รัฐบาลผลักดันให้ประเทศขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตประจำภูมิภาค รวมถึงเสนอสิทธิพิเศษทางภาษีต่างๆ ให้กับเอกชนที่เข้ามาลงทุน

อย่างไรก็ตาม จากรายงานของสถาบันบรู๊คกิงส์ ชี้ให้เห็นว่า การที่ประเทศอื่นที่จะก้าวขึ้นมาแทนที่จีนในการเป็นฐานการผลิตที่ยิ่งใหญ่นั้นค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เนื่องจากจีนมีผลผลิตจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตมากที่สุดในโลก หรือราว 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 66 ล้านล้านบาท)/เดือน

ขณะเดียวกัน บลูมเบิร์กรายงานว่า โซเรน สโค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเมอส์ก ยักษ์ชิปปิ้งเบอร์ 1 ของโลก เปิดเผยว่า สงครามการค้าคาดว่าจะส่งผลให้การขยายตัวของการค้าโลกชะลอตัวลง 0.1-0.3% ต่อปี ขณะที่สหรัฐมีแนวโน้มได้รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งอาจฉุดการขยายตัวของเศรษฐกิจลง 3-4%

เมอส์กเตือนว่า แม้ขณะนี้การตั้งภาษียังไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ แต่หากสหรัฐเริ่มเก็บภาษีกับสินค้าอุปโภคบริโภค ผลกระทบจะชัดเจนขึ้น เพราะต้นทุนการนำเข้าจะแพงขึ้น

“สิ่งแรกที่ผู้นำเข้าชาวอเมริกันจะทำหลังมาตรการภาษีมีผลกับสินค้าจีน คือจะหันไปซื้อสินค้าจากเวียดนาม อินโดนีเซีย หรือประเทศอื่นๆ ในเอเชียแทน”สโค กล่าว

ภาพ เอเอฟพี