ค้าโลกระอุฉุดการผลิต เอเชีย-สหรัฐส่งสัญญาณชะลอตัว

ภาคการผลิตโลกเริ่มปรับตัวลง หลังค้าโลกปะทุระลอกใหม่ ด้านสหรัฐยังกดดันจีนต่อ

รอยเตอร์ส รายงานว่า การพิพาททางการค้า โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐและจีน เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต ทั่วโลก โดยดัชนีวัดการขยายตัวของ กิจกรรมภาคผลิตของกลุ่มประเทศเอเชีย ยุโรป และสหรัฐ ต่างเริ่มส่งสัญญาณ ชะลอตัวลงเมื่อเดือนที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่าย จัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ของจีน ซึ่งจัดทำโดย ไคซิน/มาร์กิต ปรับลงแตะ 50.8 จุดในเดือน ก.ค. 2018 ลดลงจาก 51.0 จุดในเดือนก่อนหน้านี้ และต่ำสุดนับตั้งแต่กลางปี 2016

ขณะเดียวกัน ภาคการผลิตในอาเซียน เช่น อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ปรับลงเมื่อเดือนที่ผ่านมา เช่นเดียวกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่การขยายตัวของกิจกรรมการผลิตชะลอตัวแตะต่ำสุดรอบ 11 เดือน และรอบ 20 เดือน

ล่าสุดนั้น สถาบันบริหารห่วงโซ่อุปทาน (ไอเอสเอ็ม) ของสหรัฐ ระบุว่า ดัชนีวัดกิจกรรมภาคการผลิตภายในประเทศ ปรับตัวลงมากกว่าคาดการณ์ไปอยู่ที่ 58.1 จุดในเดือน ก.ค. จาก 60.2 จุดเมื่อเดือน ก่อนหน้า ด้านกิจกรรมการผลิตในยุโรปขยายตัวเพียงเล็กน้อย

"เห็นได้ชัดว่าคาดการณ์ว่าการค้าโลกจะซบเซาลง กำลังส่งผลต่อการผลิต โดยเฉพาะประเทศที่เปิดกว้างทางเศรษฐกิจ เช่น เยอรมนี รวมถึงญี่ปุ่นและเกาหลี ขณะที่การส่งออกที่มีแนวโน้มหดตัวลงยังกดดันการลงทุนด้วยเช่นกัน" สเตฟาน ชไนเดอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศของธนาคารดอยช์แบงก์ กล่าว

ทั้งนี้ สหรัฐยังกดดันจีนทางการค้าต่อ โดยการตั้งภาษี 25% กับสินค้าจีนรอบใหม่คาดว่าจะเริ่มมีผลในเดือน ก.ย.นี้ ขณะที่ เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเพิ่มบริษัทจีน 44 แห่งเข้า รายชื่อควบคุมการส่งออกสินค้า โดยอ้างความมั่นคงและผลประโยชน์ของสหรัฐ

ความเคลื่อนไหวล่าสุดพุ่งเป้าไปที่บริษัทเทคโนโลยีการทหาร ระบบดาวเทียมสื่อสาร เซมิคอนดักเตอร์ และอากาศยาน ซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญที่จีนต้องการผลักดันตามแผนยุทธศาสตร์เมดอินไชน่า 2025