posttoday

อียูเพิ่มเป้าลดมลพิษ ใช้ไฟฟ้า50%จากพลังงานหมุนเวียน

31 กรกฎาคม 2561

อียูเสนอแผนเพิ่มเป้าหมายลดการปล่อยมลพิษ คาดใช้งบลงทุนเกือบ 15 ล้านล้าน/ปี

อียูเสนอแผนเพิ่มเป้าหมายลดการปล่อยมลพิษ คาดใช้งบลงทุนเกือบ 15 ล้านล้าน/ปี

ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานว่า มิเกล อาริอาส กาเยเต กรรมาธิการด้านพลังงานของสหภาพยุโรป (อียู) เสนอแผนเพิ่มเป้าหมายลดมลพิษต่อสภารัฐมนตรีอียู โดยตั้งเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอน 45% ภายในปี 2030 เพิ่มเติมจากเป้าหมายเดิมซึ่งอยู่ที่ 40%

นอกจากนี้ ร่างกฎใหม่นี้กำหนดให้ครึ่งหนึ่งของไฟฟ้าที่ใช้ภายในอียูจะต้องมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ภายในปี 2030

ทั้งนี้ กาเยเต เปิดเผยว่า การบรรลุเป้าหมายใหม่จะต้องพึ่งการลงทุนทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน 3.79 แสนล้านยูโร/ปี (ราว 14.74 ล้านล้านบาท) ระหว่างปี 2021-2030

อย่างไรก็ดี กาเยเต คาดการณ์ว่า เป้าหมายใหม่จะเป็นความท้าทายที่เห็นได้ชัด พร้อมกับระบุว่า การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 24 (COP 24) ที่โปแลนด์ เดือน ธ.ค.นี้จะยากลำบาก เพราะประเทศที่ลงนามข้อตกลงปารีส 2015 จะพยายามทำข้อตกลงกฎระเบียบร่วม ซึ่งจะเป็นการควบคุมข้อตกลง

ขณะที่การเตรียมพร้อมสำหรับการประชุม COP 24 ยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากยังมีความขัดแย้งว่าควรใช้กฎร่วมกัน หรือแยกกฎสำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนา

ทั้งนี้ หากอียูอนุมัติแผนใหม่ อียูจะเป็นเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่เขตแรกที่เพิ่มเป้าหมายภายใต้กรอบของยูเอ็นในปีนี้ แต่บางชาติแย้งว่าอียูควรเพิ่มเป้าหมายให้สูงกว่านี้อีก โดยรัฐมนตรีพลังงาน 14 ชาติ รวมถึงฝรั่งเศส เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก และเนเธอร์แลนด์ เรียกร้องให้อียูเพิ่มเป้าหมายลดคาร์บอนเป็น 55% ภายในปี 2030 เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์มีต้นทุนต่ำลง และต้องรักษาให้อุณหภูมิไม่สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส

ด้านพีเพิลส์เดลี หนังสือพิมพ์ทางการจีน รายงานว่า กรุงปักกิ่งจะปิดบริษัทด้านการผลิตราว 1,000 แห่ง ภายในปี 2020 โดยจะลดการผลิตแบบธรรมดา และหันไปเน้นเทคโนโลยีขั้นสูง เป็นส่วนหนึ่งของการลดหมอกควันในภูมิภาคปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2014

รายงานระบุว่า กรุงปักกิ่งปฏิเสธคำขอจดทะเบียนบริษัทกว่า 1.95 หมื่นแห่ง ทั้งยังสั่งปิดและย้ายบริษัทที่มีการผลิตแบบธรรมดา 2,465 แห่ง

ภาพ เอเอฟพี