"ซักเคอร์เบิร์ก" สูญเงิน5แสนล้านบาท ในวันเดียว

มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก เจ้าพ่อเฟซบุ๊ก สูญเสียทรัพย์สินไปจากบัญชีหลายแสนล้านบาท หลังหุ้นดิ่งหนักเป็นประวัติการณ์

สื่อสหรัฐรายงานว่าหุ้นของบริษัทเฟซบุ๊กในตลาดหุ้นสหรัฐกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากกรณีอื้อฉาวก่อนหน้านี้ โดยหุ้นของเฟซบุ๊กดิ่งลงถึงร้อยละ 20% เมื่อวานนี้ โดยสูญเงินไป 119,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากรายงานผลประกอบการของเฟซบุ๊กระบุว่าตลาดโฆษณาซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทลดลงอย่างหนักสุดในรอบ 6 ปี ประกอบกับการขยายตัวของกลุ่มผู้ใช้งานที่ชะลอตัวลง

ส่งผลให้ทรัพย์สินสุทธิของซักเคอร์เบิร์กลดลงเหลือ 66.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมอยู่ที่ 81 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงราว 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (5แสนล้านบาท) จึงทำให้เขาหล่นมาอยู่ลำดับที่ 6 ของอันดับมหาเศรษฐีโลกจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บ

อย่างไรก็ดี ยังมีรายงานระบุว่าบรรดานักลงทุนเตรียมเทขายล็อตใหญ่หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 42% อยู่ที่ 1.32 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.39 แสนล้านบาท) ต่ำกว่าคาดการณ์เป็นครั้งแรก อยู่ที่ 1.33 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 4.42 แสนล้านบาท)

โดยคำสั่งเทขายหลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ คาดว่าจะฉุดให้หุ้นเฟซบุ๊กดิ่งหนักไปอีกถึง 24% เมื่อตลาดเปิดการซื้อขายในวันที่ 26 ก.ค. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ คิดเป็นมูลค่าเกือบ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 4.9 ล้านล้านบาท)

ด้านเดวิด เวห์เนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน เปิดเผยว่า การเติบโตของรายได้เฟซบุ๊กคาดว่าจะลดลงในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้

ทั้งนี้ เฟซบุ๊กระบุว่า จำนวนผู้ใช้รายวันทั้งหมดเพิ่มขึ้น 1.44% อยู่ที่ 1,470 ล้านคน ปรับขึ้นน้อยกว่าไตรมาสก่อนหน้า 3.42% และต่ำกว่าคาดการณ์นักวิเคราะห์ที่ 1,480 ล้านคน

ขณะที่ผู้ใช้รายวันในยุโรปลดเหลือ 279 ล้านคน จาก 282 ล้านคน เป็นผลมาจากกฎหมายจีดีพีอาร์

รายงานระบุว่า จีดีพีอาร์คาดว่าจะส่งผลต่อการขายโฆษณาออนไลน์ของเฟซบุ๊กในตลาดยุโรป ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัท ขณะที่ในอเมริกาเหนือ การต้องเปลี่ยนการลงโฆษณาการเมือง เพื่อป้องกันปัญหาการแทรกแซงการเลือกตั้ง มีแนวโน้มชะลอการซื้อโฆษณาเฟซบุ๊ก ลง ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊กยังเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่ายังไม่มีมาตรการปราบปรามคอนเทนต์สุ่มเสี่ยงสร้างความแตกแยกมากพอในเมียนมาและศรีลังกา ซึ่งข้อมูลที่ผิดพลาดนำไปสู่ความรุนแรงในประเทศก่อนหน้านี้