posttoday

ฐานทัพสหรัฐเผยเรื่องราวแห่งความสามัคคี กู้ภัยทีมหมูป่า

24 กรกฎาคม 2561

ทัพสหรัฐในญี่ปุ่นเล่าประสบการณ์แห่งความประทับใจ ครั้งเมื่อร่วมภารกิจกู้ภัยถ้ำหลวง

ทัพสหรัฐในญี่ปุ่นเล่าประสบการณ์แห่งความประทับใจ ครั้งเมื่อร่วมภารกิจกู้ภัยถ้ำหลวง

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ของฐานทัพอากาศสหรัฐบนเกาะโอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น ได้เผยเรื่องราวประสบการณ์และความประทับใจของทีมนาวิกโยธินสหรัฐ ที่ได้มีส่วนร่วมในภารกิจกู้ภัยทีมฟุตบอลหมูป่า ซึ่งติดอยู่ภายในถ้ำหลวง โดยระบุว่า

 

ฐานทัพสหรัฐเผยเรื่องราวแห่งความสามัคคี กู้ภัยทีมหมูป่า

นับเป็นเวลาแห่งความประทับใจ และเป็นเกียรติทึ่หน่วยสมาชิกของฝูงบินยุทธวิธีพิเศษ 320 จากกลุ่มปฏิบัติการพิเศษ 353  และสมาชิกของหน่วยกู้ภัยที่ 31 ของ ฝูงบินที่ 18 ของฐานทัพสหรัฐคาเดนะ บนเกาะโอกินาว่า ได้รับการร้องขอจากรัฐบาลไทย ในการเข้าให้การช่วยเหลือเด็กๆนักฟุตบอลทีมหมูป่าทั้ง 12 คนและโค้ชอีก 1 คน ซึ่งติดอยู่ภายในถ้ำเป็นเวลากว่า  17 วัน

 

ฐานทัพสหรัฐเผยเรื่องราวแห่งความสามัคคี กู้ภัยทีมหมูป่า

 

โดยเมื่อทีมช่วยเหลือจากแต่ละประเทศมาถึง พวกเขาได้แบ่งออกเป็นกลุ่มๆตามความสามารถและทักษะของแต่ละคน บางกลุ่มก็เข้าปฎิบัติการในถ้ำ ขณะที่บางส่วนก็ทำหน้าที่สนับสนุนอยู่ภายนอก

พวกเขาต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง และเปลี่ยนกะการทำงาน 16-18 ชั่วโมง เพื่อแข่งกับระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา "นี่เป็นสำคัญที่ทุกคนเข้าใจว่า ภารกิจการช่วยชีวิตแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิกของกองทัพสหรัฐกล่าว

 

ฐานทัพสหรัฐเผยเรื่องราวแห่งความสามัคคี กู้ภัยทีมหมูป่า

 

 

ขณะเดียวกันการดำน้ำในพื้นที่คับแคบและมืดมิดภายในถ้ำนั้นก็ล้วนเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างมาก แม้สำหรับนักดำน้ำที่มีประสบการณ์

ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิกของกองทัพสหรัฐอีกนายกล่าวว่า "เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเจ้าหน้าที่กู้ภัยแต่ละคนที่มีความสามารถที่ต่างกัน แต่ทุกคนมารวมกัน นำไอเดียและทักษะของแต่ละคนที่มามาวางบนโต๊ะ แล้วคุยกันว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง ซึ่งมันไม่มีสูตรสำเร็จใดที่จะเป็นคำตอบให้กับภารกิจนี้ เราทุกคนล้วนอาศัยทักษะและอุปกรณ์ต่างๆในภารกิจ และเหนืออื่นใดเราทุกคนล้วนต้องสามัคคีภารกิจจึงจะสำเร็จ" จ่าเอก ไมเคิล สมิทธ จากหน่วยพลร่มกองทัพสหรัฐกล่าว

 

ฐานทัพสหรัฐเผยเรื่องราวแห่งความสามัคคี กู้ภัยทีมหมูป่า

 

โดยหลังจากที่ทุกคนได้รับรายงานว่าพบตัวทั้ง 13 ชีวิตแล้ว ทีมกู้ภัยจากนานาชาติก็เริ่มต้นปฏิบัติงานอย่างจริงจัง ตามแผนกู้ภัยหลากหลายรูปแบบที่วางไว้ แต่อย่างไรก็ตามด้วยความซับซ้อนและอันตรายภายในถ้ำ หลายฝ่ายจึงกังวลว่าจะสูญเสียเด็กๆไปในระหว่างให้การช่วยเหลือ

ด้วยสภาวะที่อยากลำบาก เราจึงไม่คาดหวังว่าเด็กๆทุกคนจะรอดชีวิต อย่างไรก็ดี เรามีเจ้าหน้าที่กู้ภัย และนักดำน้ำที่เหมาะสม รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆเตรียมพร้อม เนื่องจากทุกคนล้วนกังวลกับสภาพอากาศเลวร้ายที่กำลังจะมา จึงทำให้ทุกคนต้องทำงานแข่งกับเวลา ประกอบกับต้องประเมินความเสี่ยงในด้านต่าง มันจึงเป็นงานที่ยากมาก

 

ฐานทัพสหรัฐเผยเรื่องราวแห่งความสามัคคี กู้ภัยทีมหมูป่า

 

ทีมกองทัพสหรัฐ ได้รับหน้าที่ในด้านการขนถ่ายอุปกรณ์ต่างภายในถ้ำ เพื่อสนับสนุนการทำงานของทีมนักดำน้ำ โดยในวันแรกที่มีการดำเนินการแผนกู้ภัย ได้มีการวางถังอ็อกซิเจนไว้ตามจุดต่างๆในเส้นทางภายในถ้ำกว่า 200 จุด

ในระหว่างการกู้ภัยสมาชิกของทึมจากกองทัพสหรัฐ ได้ช่วยพาเด็กออกจากถ้ำโดยผ่านตามโถงต่างๆภายในถ้ำ และดำน้ำพร้อมกับทีมผ่านจากโถงสาม ไปยังโถงสอง ก่อนจะส่งต่อให้กับทีมนักดำน้ำออสเตรเลีย

 

ฐานทัพสหรัฐเผยเรื่องราวแห่งความสามัคคี กู้ภัยทีมหมูป่า

 

"มันเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่ง ที่ได้พบว่ามีคนจำนวนมากมาร่วมมือกันโดยไม่คำนึงถึงข้อแตกต่างทางเชื้อชาติ หรือวัฒนธรรม แต่ทุกคนล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน" สตีเฟ่น เครกส์ ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วย ฝูงบินกู้ภัยที่ 31 ประจำฐานทัพคาเดนะ กองทัพสหรัฐ

และถึงแม้จะมีอุปสรรคการสื่อสาร ด้วยภาษาที่แตกต่างกัน แต่เราก็สามารถทำลายกำแพงภาษาเหล่านั้นได้ด้วยความร่วมมือ และการสร้างสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับทีมงานจากชาติต่างๆ เพราะเรากำลังนำเด็กทุกคนออกจากถ้ำ

 

ฐานทัพสหรัฐเผยเรื่องราวแห่งความสามัคคี กู้ภัยทีมหมูป่า

 

ความสำเร็จของภารกิจนี้ การเอาชนะความยากลำบากและอุปสรรคหลายอย่าง ส่งผลให้ทุกคนที่มีส่วนรวมยิ่งเห็นคุณค่าในอาชีพของพวกเขามากขึ้น ซึ่งล้วนเป็นความสำเร็จที่ควรให้เครดิตกับทุกๆคน จนกระทั้งเราทุกคนได้รับข่าวว่าสมาชิกทีมหมูป่าคนสุดท้ายออกจากถ้ำ ไม่เพียงแค่เราทุกคนจะดีใจ คนทั่วโลกก็โลงใจทันที

สุดท้าย น.อ.หญิง เจสสิก้า เทต กล่าวว่า "เป็นเวลามากกว่า 200 ปีแล้วที่สหรัฐได้รักษาความสัมพันธ์กับประเทศไทยเป็นอย่างดี สหรัฐฯจะยืนเคียงข้างกับพันธมิตร แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เรามุ่งมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติทั่วโลก"