จีนเล็งย้ายฐานการผลิตมาอาเซียน

ผู้ผลิตจีนแย้มอาจย้ายฐานการผลิตมาอาเซียน หวั่นภาษีทรัมป์เสี่ยงกระทบส่งออกสินค้าไปสหรัฐ

ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานว่า บรรดาผู้ผลิตจีนจำนวนมากกำลังพิจารณาย้ายฐานการผลิตมายังกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีค่าแรงถูก เช่น เวียดนามและเมียนมา เพื่อเตรียมรับมือสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่มีแนวโน้มขยายวงรุนแรงขึ้น หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งภาษี 25% กับสินค้าจีน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.6 ล้านล้านบาท) และล่าสุดเปิดเผยว่าพร้อมเดินหน้าตั้งภาษีครอบคลุมสินค้านำเข้าทั้งหมดจากจีนรวม 5 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 16 ล้านล้านบาท)

“เราไม่คิดว่าสงครามการค้าจะเป็นวิกฤตระยะสั้น เราต้องวิเคราะห์ว่า (การย้ายมา) ประเทศเอเชียใดดีต่อลูกค้าของเรา เพื่อชดเชยความเสี่ยง ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะทำอะไรต่อ” โจเชา ประธานกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กของสภาหอการค้าฮ่องกง กล่าว

โจเชา เสริมว่า แม้ขณะนี้สหรัฐยังไม่ประกาศตั้งภาษีสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ จากจีน เช่น ของเล่น แต่ค้าปลีกสหรัฐและบรรดาซัพพลายเออร์ในจีนจำเป็นต้องเร่งหาแผนการรับมือ ก่อนจะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นช่วงของการจับจ่ายซื้อสินค้า

ขณะที่ ชุ่ยชีหง เจ้าของโรงงานของเล่นในมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของบริษัทของเล่นสหรัฐรายใหญ่อย่างดิสนีย์และแมตเทิล กล่าวว่า แม้สหรัฐยังไม่ตั้งภาษีกับของเล่น แต่บริษัทส่งออกสินค้าไปสหรัฐได้ช้าลงนับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ จากมาตรการตรวจสอบสินค้าอย่างเข้มงวดจากศุลกากรสหรัฐ

ทั้งนี้ ชุ่ยชีหงเสริมว่าบริษัทผู้ผลิตจีนราว 30 ราย เตรียมเดินทางไปยังเมียนมาในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อสำรวจลู่ทางตั้งฐานการผลิตในประเทศ และเตรียมพร้อมรับมือมาตรการสกัดสินค้าจีนของสหรัฐในอนาคต

ด้าน แองเจโล เฉิง ผู้บริหารหน่วยธุรกิจในฮ่องกงของอาโอยากิ กรุ๊ป บริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สัญชาติญี่ปุ่นซึ่งดำเนินการผลิตในจีน กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีการระงับคำสั่งซื้อสินค้าของบริษัทบางส่วนจากสหรัฐแล้ว เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้า

“เราอยู่กลางทางแยกในขณะนี้ โดยบริษัทกำลังพิจารณาทางออกหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงการย้ายฐานผลิตบางส่วนไปเวียดนาม แต่ทั้งหมดยังเป็นแค่ทางออกระยะกลางและระยะยาวเท่านั้น” เฉิง กล่าว

ภาพ เอเอฟพี