แคนาดาตั้งภาษีตอบโต้สหรัฐ

แคนาดาเปิดฉากตั้งภาษีโต้กลับสหรัฐ 4 แสนล้าน มีผลวันนี้ ด้านทรัมป์แย้มการสอบรถนำเข้าใกล้เสร็จสิ้น

รัฐบาลแคนาดาประกาศตอบโต้สหรัฐทางการค้า โดยตั้งภาษีกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐมูลค่า 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.15 แสนล้านบาท) เริ่มมีผลในวันที่ 1 ก.ค.นี้ หลังสหรัฐเก็บภาษีเซฟการ์ดกับเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าที่อัตรา 25% และ 10% ก่อนหน้านี้

แคนาดาระบุว่า ภาษีดังกล่าวครอบคลุมสินค้าราว 250 รายการ โดยแคนาดาจะเก็บภาษี 25% กับสินค้าประเภทเหล็ก และอีก 10% กับอะลูมิเนียม รวมถึงสินค้าประเภทอาหาร เช่น โยเกิร์ต ผลไม้แปรรูป และวิสกี้ และสินค้าอุปโภคอื่นๆ เช่น กระดาษทิชชู่ ถุงนอน และปากกาลูกลื่น

“นี่เป็นมาตรการตอบกลับที่สมน้ำสมเนื้อ ตอบโต้กันดอลลาร์ต่อดอลลาร์ เราไม่ได้จะเพิ่มความตึงเครียด แต่จะไม่ถอยกลับเช่นกัน” คริสเตีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา กล่าว พร้อมเสริมว่า แคนาดาไม่มีทางเลือกอื่น และกำลังหารือประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิดร่วมกับสหภาพยุโรป(อียู) และเม็กซิโก

ทั้งนี้ แคนาดาเป็นประเทศคู่ค้ารายล่าสุดที่ดำเนินมาตรการตอบโต้ภาษีสหรัฐ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อียูตั้งภาษีกับสินค้าสหรัฐ 2,800 ล้านยูโร (ราว 1.12 แสนล้านบาท) ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. เม็กซิโกประกาศดำเนินการดังกล่าวเช่นกัน

ขณะเดียวกัน เอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มธุรกิจหลายแห่งต่างวิตกว่า การตั้งภาษีตอบโต้ดังกล่าวจะส่งผลให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น จนลุกลามกลายเป็นสงครามการค้าเต็มรูปแบบ โดยหลายฝ่ายมองว่ามีความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะตั้งภาษีกับรถยนต์และชิ้นส่วนรถนำเข้าจากต่างชาติด้วยเช่นกัน หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ข่มขู่ว่าจะตั้งภาษี 20% กับรถนำเข้า และสั่งให้เปิดสอบสวนว่า การนำเข้าสินค้าประเภทดังกล่าวเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือไม่เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา

รอยเตอร์สรายงานว่า ทรัมป์ ระบุว่าการสอบสวนดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นในอีก 3-4 สัปดาห์หน้านี้ และรัฐบาลสหรัฐจะเปิดรับฟังความเห็นจากสาธารณชนวันที่ 19-20 ก.ค.นี้

ด้าน เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ผู้ผลิตรถรายใหญ่สัญชาติสหรัฐ เตือนว่า การตั้งภาษีรถยนต์นำเข้า อาจกระทบยอดขายและการจ้างงานของบริษัท โดยได้ยื่นคำร้องคัดค้านภาษีดังกล่าวไปยังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐแล้ว