สื่อเผยคณะผู้ติดตามคิมจองอึน ทดลองใช้ชีวิตแบบทุนนิยม

เจ้าหน้าที่ผู้ติดตามนายคิมจองอึน อาศัยโอกาสช่วงซัมมิท ช็อปปิ้ง กินหรู อยู่สบาย

แม้จะเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับซัมมิทโลกตะลึกของทั้งนายคิมจองอึน และประธานาธิบดีทรัมป์ แต่มีกระแสข่าวรายงานว่า บรรดาเจ้าหน้าที่คณะผู้ติดตามนายคิมจองอึนหลายสิบคน ได้อาศัยโอกาสในการเดินทางออกนอกประเทศครั้งนี้ ลองลิ้มชิมรสกับชีวิตในแบบทุนนิยมสักครั้งหนึ่ง

 

 

 

 

 โดยรายงานระบุว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้ติดตามนายคิมจองอึนได้เข้าพักที่โรงแรม St. Regis ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโรงแรมระดับห้าดาวหรูที่สุดแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ โดยรายงานเผยว่านายคิมจองอึนและคณะได้เข้าใช้ห้องพักบริเวณสามชั้นบนสุดของโรงแรม ซึ่งส่วนนั้นเป็นส่วนของห้องพักระดับเพรนซิเดนท์เชียลสวีท และห้องพักระดับหรูของโรงแรมหลายห้อง ราคาห้องเริ่มต้นคืนละกว่า 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์

 

 

 

 ขณะที่สื่อของสิงคโปร์ได้เผยว่า ห้องเพรซิเดนเชลสวีท ที่นายคิมเข้าพักสนนราคาเริ่มต้นคืนละ 12,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ โดยเป็นห้องพักขนาด 335 ตารางเมตร บนชั้น 20 ของโรงแรม สามารถมองเห็นวิวสวนและเมืองที่สวยงามของสิงคโปร์ ภายในห้องพักประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สุดหรู มีเปียโน บาร์เครื่องดื่ม โคมแชนเดอร์เลียประดับแก้วคริสตัล พื้นห้องน้ำเป็นหินอ่อนประดับด้วยกระจกโมเสกสีทอง พร้อมด้วยอ่างจากกุซซี่

 

 

 

ขณะที่บางส่วนได้ใช้เวลาในช่วงก่อนวันพบปะเจรจา เดินช็อปปิ้งตามย่านสำคัญของสิงคโปร์ร่วมไปถึงทดลองทานอาหารฟาสต์ฟู้ดซึ่งเป็นสิ่งที่หาทานได้ยากในเกาหลีเหนือโดยหนึ่งในบรรดาคณะผู้ติดตามของนายคิมจองอึน มีนายพลระดับสี่ดาว รวมไปถึงรองประธานคณะกรรมาธิการพรรคแรงงานเกาหลี

 

 

นอกจากนี้ยังมีคณะสื่อมวลชนของเกาหลีเหนือซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลก็เข้าพักในโรงแรมเดียวกันนี้ ก็ได้มีโอกาสรับประทานอาหารเช้าหลากหลายชนิดเช่น ติ่มซำ  ขนมปังอบ ไข่ดาว โดยทางโรงแรมคิดราคาอาหารเช้าหัวละ 35 ดอลลาร์สิงคโปร์

 

 

ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการเดินทางไปต่างประเทศของคณะเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือเป็นเรื่องที่หาได้อยากเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาตินั้นเอง

อย่างไรก็ดีรอยเตอร์ยังได้เผยว่า เกาหลีเหนือยังเป็นประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ยังมีภาวะขาดแคลนอาหาร โดยตามรายงานขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า เด็กๆชาวเกาหลีเหนือที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี เป็นโรคขาดสารอาหาร

 

 

ภาพ : EPA, Reuters, AP