"ไม่ไว้วางใจ" สภาสเปนโหวตไล่นายก เซ่นปมทุจริต

สภาสเปนลงมติไม่ไว้วางใจ "มาเรียโน ราฆอย" นายกฯรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง

อีเอฟอี สื่อท้องถิ่นของสเปนรายงานว่า รัฐสภาสเปนหรือ Cortes Generales ได้ลงมติไม่ไว้วางใจถอดถอน นาย มาเรียโน ราฆอย อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 63 ปี สังกัดพรรคพรรคประชาชนสเปน (Partido Popular) หรือ PP ออกจากตำแหน่ง หลังเขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2011 และสภาสเปนได้เลือกนาย เปโดร ซานเชส  วัย 46 ปีจากพรรคสังคมนิยม ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนโดยมีผลในวันนี้ (1 มิ.ย.) ด้วยคะแนนเสียง 180 คะแนนสนับสนุน 169 ไม่เห็นด้วย และงดออกเสียง 1 เสียง

 

นายมาเรียโน ราฆอย อดีตนายกรัฐมนตรีสเปน

 

 

 ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าว่า  ส.ส. พรรคชาตินิยมบาสก์ (PNV) ยืนยันจะโหวตไม่ไว้วางใจนายราฆอย หลังจากที่พรรคได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากกรณีที่ศาลสเปนได้ตัดสินลงโทษจำคุกและปรับเงิน อดีตเลขาของพรรค PP ของนายราฆอย และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพรรคจำนวน 28 คน ซึ่งหนึ่งในนี้มีอดึตรมว.คลังสเปนด้วย จากคดีรับสินบนและฟอกเงิน

 

 

 

 

เนื่องจากนายราฆอยไม่สามารถชี้แจงความบริสุทธิ์ของตนเองและพรรคที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตได้ โดยนอกจากพรรคสังคมนิยมแล้ว และพรรคชาตินิยมบาสก์แล้ว ยังมีพรรคการเมืองอื่นๆร่วมโหวตไม่ไว้วางใจด้วย เช่นพรรคชาตินิยมกาตาลุญญา

 

นายปราโด ซานเชส หัวหน้าพรรคสังคมนิยม และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสเปน

 

 สำหรับการโหวตมติไม่ไว้วางใจนี้ นับว่านายราฆอย เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ถูกถอดออกจากตำแหน่งด้วยการลงมติไม่ไว้วางใจ นับตั้งแต่สิ้นสุดระบบเผด็จการของนายพลฟรังโก เมื่อราว 40 ปีที่แล้ว และถือเป็นการปิดฉากการบริหารนาน 7 ปีของพรรค PP ซึ่งเป็นพรรคการเมืองกลาง-ขวา

ด้านายซานเชส กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาจะจัดตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศไปจนครบเทอมการเลือกตั้งครั้งหน้าในช่วงกลางปี 2020

 

 

 อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่ของสเปนจะขาดเอกภาพในด้านนโยบาย เนื่องจากพรรคสังคมนิยมของนายซานเชส ครองที่นั่งในสภาเพียง 84 ที่นั่ง จากทั้งหมด 350 ที่นั่ง จึงจำเป็นต้องจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่มีอุดมการณ์ต่างกัน  และอาจทำให้ความสัมพันธ์ของสเปน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของอียู ส่งผลต่อเสถียรภาพของสหภาพยุโรป